“สุวพันธุ์” ยกทีมผู้บริหารยุติธรรมลงพื้นที่จ.พะเยา รับฟัง-แก้ปัญหาความเดือดร้อน ปชช. เร่งหารือสธ.จัดระบบบำบัดผู้เสพในรพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมผู้บริหารกระทรวงลงพื้นที่จ.พะเยา เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด โดยในจ.พะเยามีศูนย์ยุติธรรมชุมชน 71 ศูนย์ ดำเนินงานตามภารกิจ 5 ด้าน เช่น การเฝ้าระวังอาชญากรรมในชุมชน รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท แจ้งสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และติดตามดูแลผู้พ้นโทษหรือผู้ถูกคุมประพฤติให้กลับสู่สังคมทั้งนี้จากการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านการอำนวยความยุติธรรมพบว่าในจ.พะเยาไม่มีปัญหารุนแรง โดยในอำเภอเมืองมีประชาชนขอรับบริการและปรึกษากฎหมายสูงกว่าอำเภออื่นๆส่วนใหญ่มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำนิติกรรมสัญญาในทางแพ่ง
สำหรับสถานการณ์ด้านการอำนวยความยุติธรรมในจังหวัดพะเยามีผู้ร้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม 92 ราย มีผู้เสียหายและจำเลยจากกระบวนการยุติธรรมขอรับการเยียวยา 86 ราย แบ่งเป็นผู้เสียหาย 85 จำเลย 1 ราย และมีผู้ร้องขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับหนี้สินภาคประชาชน 48 ราย ส่วนปัญหาเด็กแว้นซ์และสถานบันเทิงเปิดบริการเกินเวลา พบว่ามีสถานบริการถูกคำสั่งปิด 5 ปี จำนวน 5 แห่งจากเหตุปล่อยให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีไปใช้บริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เยาวชน และเปิดบริการเกินเวลา นอกจากนี้ยังพบปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนแชร์ลูกโซ่ คดีบุกรุกป่าสงวน และการค้าประเวณี รวมถึงปัญหายาเสพติด ซึ่งพบผู้เสพรายใหม่ 229 ราย ผู้เสพติดรายเก่า 348 ราย ที่เป็นผู้เสพซ้ำซากตั้งแต่ 2-11 ครั้ง สะท้อนว่าระบบบังคับบำบัดในจ.พะเยาไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เสพไม่ให้กลับไปเสพซ้ำได้
นายสุวพันธ์ กล่าวอีกว่า การพูดคุยวันนี้มี 2 ประเด็นหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ และเข้าถึงการบริการของกระทรวงยุติธรรมได้อย่างรวดเร็วและเสมอภาค รวมถึงต้องร่วมบูรณาการกับจังหวัดและอัยการเพื่อแก้ปัญหาความเดือนร้อนและเรื่องร้องเรียนประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ในภาคเหนือเป็นพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่พอสมควร แต่จ.พะเยามีปัญหาไม่มาก ส่วนที่ระบบบังคับบำบัดยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพไม่ให้กลับไปเสพซ้ำได้ ก็ต้องประเมินและปรับปรุงแก้ไขตามขั้นตอน โดยทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้มากขึ้น และมีการบำบัดอย่างจริงจังเพื่อลดจำนวนผู้เสพ เรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะรับไปแก้ไข