ตำรวจตั้งด่านสกัดรถปิคอัพบรรทุกรถจักรยานยนต์ 13 คัน สภาพใหม่เอี่ยม แต่อ้างเป็นรถซื้อมือสอง แต่ผู้ซื้อไม่มีหลักฐานแสดง คาดเป็นออเดอร์ส่งเข้าประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ต.ค.60 ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมตำรวจชุดสืบสวนและสอบสวน สภ.ยางตลาด ได้ตั้งจุด ตรวจจราจร ถนนถีนานนท์ ได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 13 คัน จากรถปิคอัพ อีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บค 4266 บึงกาฬ มีนายวันชัย ช่างทำร่อง คนขับ เลขที่ 119 หมู่ที่ 1 ต.วังท่าดี อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ต้องสงสัยว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรม หรือมีการหลอกลวงเช่าซื้อ เนื่องจากรถทั้งหมด นายวันชัยไม่มีหลักฐานการครอบครอง มีเพียงสัญญาเช่าซื้อเป็นรถมือสอง แต่ในขณะที่รถทุกคันมีสภาพใหม่ เข็มไมล์วิ่งไม่ถึง 7 กิโลเมตร
จากการตรวจสอบ พบว่า มี 2 คันที่มีสภาพเก่า มีเอกสารครบถ้วน แต่ในขณะที่รถจักรยานยนต์ จำนวน 11 คัน ไม่ปรากฏหลักฐาน บางคันมีทะเบียน และมีสภาพที่ใหม่เอี่ยมจึงเป็นเรื่องที่ตำรวจสงสัยว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักขโมยมา ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ 11 คัน เป็นรถฮอนด้า ประกอบด้วย รุ่นเวฟ 100iสีดำ-แดง ทะเบียน ขลก 923 ตรัง รุ่นzoomer xสี ดำ-ชมพู ทะเบียน 1 กจ7406 กระบี่ รุ่นสกูปปี้ไอ สีเหลือง ทะเบียน 6 กฆ 1270 กทม. รุ่น zoomer xสีดำ ทะเบียน 2 กท 9530 กทม รุ่น wave I จำนวน 6 คัน รุ่น คลิก 125Iสีขาว และ รุ่น pcx 150สีฟ้า 7 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
พ.ต.อ.ศักดินันท์ มูลมณี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ยางตลาด กล่าวว่า ได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชา และรับคำสั่งให้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ยึดมาอย่างละเอียด ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2560 เบื้องต้นภายหลังตรวจสอบยังคงมีรถจักรยานยนต์อีก 11 คันที่มีสภาพใหม่ โดย นายวันชัย ผู้ขับรถขนส่งอ้างว่ามีอาชีพรับจ้างและมีนางขวัญใจ ขุนพิทักษ์ว่าจ้างให้บรรทุกรถจักรยานยนต์นี้เป็นเงินจำนวน 12,000 บาท ซึ่งก็รับจ้างอีกต่อจากกรุงเทพมหานครเพื่อ ไปส่งให้กับ ร้านขวัญใจ ที่อยู่ในอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม
ต่อมา นส.ขวัญใจ ขุนพิทักษ์ เลขที่ 75/3 หมู่ที่ 1 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม และนายศักดา สินสันเทียะ เลขที่ 438/82 หมู่ที่ 4 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปรากการ มาแสดงตัว เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ทั้งหมด โดยแจ้งว่าได้เปิดร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์มือสอง ที่อ.บ้านแพง จังหวัดนครพนม แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามเกี่ยวกับหลักฐานก็ปรากฏว่าสามารถนำมาแสดงได้เพียง 3 คัน ส่วนอีก 11 คัน ไม่สามารถนำมาแสดงได้ จึงทำให้เชื่อว่าเป็นรถที่อาจได้มาจากการกระทำผิดจึงได้ทำการตรวจยึด และทำการขยายผลไปยังสำนักงานขนส่งเพื่อหาเจ้าของตัวจริง
ด้าน พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว และเชื่อว่าหากไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ คงเป็นรถที่ผิดกฎหมายและจะข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ได้กำชับให้ทุกจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 ดำเนินการตรวจสอบปูพรม และให้ทำการประชาสัมพันธ์ไปยังร้านค้ารถจักรยานยนต์ เนื่องจากเชื่อว่า อาจจะมีขบวนการเช่าซื้อ แต่สุดท้ายก็อ้างว่ารถถูกขโมย ทำให้ผู้ขายได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ก็ขอให้ผู้ที่สงสัยว่าเป็นรถของตนเองก็สามารถเข้ามาตรวจสอบดูได้ยัง สภ.ยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์