ร้องกองปราบฯ ตกเป็นเหยื่อตุ๋นเล่นหุ้นนับร้อยราย โกง100ล้าน

ร้องกองปราบฯ ตกเป็นเหยื่อตุ๋นเล่นหุ้นนับร้อยราย โกง100ล้าน

เหยื่อถูกตุ๋นร่วมลงทุนเล่นหุ้น แห่ร้องกองปราบ ถูกเจ้าของร้านบิงซู สาวสวยจอมแสบ หลอกเงินชาวบ้านบางสะพานนับร้อยราย เสียหายนับ100ล้านบาท

กองปราบ - เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ต.ค. 2560 น.ส.นภาภรณ์ จันทนะ อายุ 28 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย ผู้เสียหายในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 20 ราย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.หญิง จันทนา สาตะมาน สว. (สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.อ้อย (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี หลังอ้างว่าถูกน.ส.อ้อย หลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลในอัตราสูง แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับเงินปันผล และไม่ได้เงินลงทุนกลับคืนตามที่ตกลงกันไว้ โดยนำเอกสารหลักฐานการโอนเงิน และข้อความการสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับน.ส.อ้อย มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมใช้ในการประกอบการพิจารณา

น.ส.นภาภรณ์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพเปิดร้านรับสักแทททูและสักคิ้ว ในพื้นที่ อ.บางสะพาน โดยได้รู้จักกับน.ส.อ้อย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านบิงซู ในอ.บางสะพาน มาตั้งแต่ช่วงประมาณกลางปี 2559 เนื่องจากน.ส.อ้อย เป็นลูกค้าประจำที่ร้านของตน กระทั่งเมื่อเริ่มมีการพูดคุยสนิทสนมกันมากขึ้น น.ส.อ้อยก็ได้ชักชวนให้นำเงินมาลงทุนเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกัน โดยอ้างว่าจะได้รับเงินปันผลค่าตอบแทนในอัตราสูง ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ประกอบกับตนเห็นว่าน.ส.อ้อยมีลักษณะการแต่งกาย หน้าตา ดูดีมีฐานะ จึงหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกับน.ส.อ้อย ดังกล่าว

แต่เนื่องจากตนไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องหุ้น น.ส.อ้อยจึงแนะนำว่าให้ใช้ชื่อของน.ส.อ้อยเป็นผู้ลงทุน และบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินลงทุน โดยเริ่มจากจำนวนเงินหมื่นกว่าบาท กระทั่งในช่วงแรกเห็นว่าได้รับเงินค่าปันผลตอบแทนจริง จึงนำเงินมาลงทุนเพิ่มเป็นจำนวนเกือบ 3 ล้านบาท พร้อมกับแนะนำให้ญาติพี่น้องของตนเอง นำเงินมาร่วมลงทุนเล่นหุ้นดังกล่าวด้วยกัน รวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท กระทั่งช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ตนเริ่มไม่ได้รับเงินปันผลตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อสอบถามน.ส.อ้อย ก็อ้างว่า ติดปัญหาบางอย่าง ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด

น.ส.นภาภรณ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาตนได้สืบค้นประวัติของน.ส.อ้อย พบว่า นอกจากตนและครอบครัวแล้ว ยังมีผู้เสียหายในพื้นที่ อ.บางสะพาน ถูกหลอกในลักษณะเดียวกับตนนี้อีกนับร้อยราย คิดเป็นมูลค่าเสียหายรวมเกือบ 100 ล้านบาท แต่หากนับในส่วนเฉพาะของผู้เสียหายที่รวมตัวมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบในวันนี้ จะมียอดความเสียหายรวมอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท อีกทั้งยังพบว่าก่อนหน้านี้ น.ส.อ้อย ยังเคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เชียงใหม่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อประการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งเรื่องต่อไปยังผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป