'บิ๊กตู่' ปลื้ม 'ไอเคโอ' ปลดธงแดง

'บิ๊กตู่' ปลื้ม 'ไอเคโอ' ปลดธงแดง

"บิ๊กตู่" ปลื้ม "ไอเคโอ" ปลดธงแดงบอกเป็นวันประวัติศาสตร์ พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือ โว!! ได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศในระหว่างเป็นรัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวภายหลังนายอรุณ มิชรา (Arun Mishra) ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Organization: ICAO) เข้าพบหลังจากมีรายงานว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ประกาศปลดธงแดงประเทศไทย ว่า วันนี้ถือเป็นวันเกียรติยศ ที่อยากจะอ่านแถลงการณ์นี้ด้วยตัวเอง ขอแถลงความก้าวหน้าในการทำงานของพวกเรา ในโอกาสที่ไอเคโอ ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อภัยด้านด้านการบินพลเรือน หรือเรียกว่าการปลดธงแดง วันนี้ถือเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการ ตามที่ไอเคโอได้ตรวจสอบ และพบข้อบกพร่องกระบวนการการออกใบรับรองของผู้ดำเนินการเดินอากาศ ซึ่งข้อบกพร่องที่เป็นนัยสำคัญถึง 33 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. 2558 ได้มีการประกาศติดธงแดงประเทศไทยบนเว็ปไซด์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่า ไทยยังไม่มีการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนอย่างเพียงพอภายใต้มาตรฐานของไอเคโอ

รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ โดยถือเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน ซึ่งได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน เป็นศูนย์ประสานการแก้ไขปัญหา และต่อมาได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานทางการ และเป็นผู้แทนรัฐบาลในองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา และปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานของไอเคโอ ปัญหาการบินพลเรือนเป็นปัญหาที่สะสมกันมานาน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอนและเป็นรูปธรรม ซึ่งบางอย่างต้องใช้เวลาจนบางคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมไม่เสร็จเสียทีนานเหลือเกิน

เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก จะต้องมีการปฏิรูปมาตรฐานการกำกับดูแล การปฏิรูปองค์กร โดยแยกงานกำกับดูแลมาตรฐานการบินมาจัดตั้งเป็นองค์กรใหม่ คือสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยมีนายจุฬา สุขมานพ เป็นผู้รับผิดชอบ ทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานการบิน และกำกับดูแลกิจการการบินพลเรือนของประเทศ ทำให้การตรวจสอบทั้ง 33 ข้อมีการเปลี่ยนแปลงนัยสำคัญอยู่ตลอดเวลา มีการทบทวนประเมินออกใบรับรองแก่ผู้ดำเนินการการเดินอากาศใหม่ทั้งหมด 28 สายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศ แก้ไขกฎหมายการเดินอากาศใหม่ และพัฒนาบุคลากรที่มีความขาดแคลน ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประเทศไทยได้ตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรกับไอเคโอ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมทั้งได้ยื่นขอตรวจประเมินใหม่ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2560 และทางไอเคโอได้ส่งคณะผู้ตรวจประเมินมาตรวจประเมินด้านปฏิบัติการการบิน และความเหมาะสม เมื่อระหว่างวันที่ 20-27 ก.ย.ที่ผ่านมา

"มีมติถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน ตั้งแต่ วันที่ 6 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป ซึ่งวันนี้ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไอเคโอ ณ กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้มารายงานผลการตรวจประเมิน และได้รับการยืนยันว่าทางไอเคโอได้มีมติปลดธงแดงอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นวันที่น่าภาคภูมิใจสำหรับประเทศไทย ความไว้วางใจของไอเคโอที่ปลดธงแดงให้กับประเทศไทยในครั้งนี้ ย่อมแสดงถึงความเชื่อมั่นของไอเคโอ และนานาประเทศที่มีต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่ได้ทำหน้าที่กำกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน และความเหมาะสมของการเดินอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของไอเคโอ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของการบิน หรือสายการบินของไทยจะบินไปที่ไหนในโลกนี้ที่มีข้อตกลงการบินระหว่างกันก็ย่อมทำได้ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการสร้างความมั่นใจในการพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแล และการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรกำกับดูแลรวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคในอนาคตอย่างมั่นใจ ตามที่เราได้พูดไว้แล้วว่าเราจะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการบิน โดยต้องแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนให้สำเร็จลุล่วงในเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ถือว่าเป็นผู้ทำงาน อย่างจริงจังจนทำให้เกิดผลสำเร็จขึ้น ทุกคนเสียสละ ตนขอขอบคุณเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ตามการทำงานก็ต้องมีคนที่ได้ และเสียผลประโยชน์ แต่วันนี้ประเทศไทยถือว่าได้ประโยชน์ ขอขอบคุณบริษัทสายการบินต่าง ๆ ที่เข้าร่วมมือ และยอมรับในกติกาแม้ว่ายังคงค้างอีก 10 สายการบินจาก 28 สายการบิน โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม แล้วทั้งหมดก็จะสามารถบินไปต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ก็ร่วมมือระงับการบินต่างประเทศไปก่อน

สิ่งที่ต้องทำคือการแก้ปัญหาในองค์กรตัวเองไปก่อน โดยประสานงานกับส่วนผู้ให้บริการ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากทุกสายการบิน ซึ่งหลายเรื่องก็ต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม ถือว่าสิ่งที่ปรากฏในวันนี้โดยเฉพาะความร่วมมือจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่น ถือเป็นความร่วมมือในระหว่างที่ตนเป็นรัฐบาลอยู่ ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และให้เกียรติกับทุกคนรัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่