ไดร์ฟเมท ตีตั๋ว ‘แชริ่ง อีโคโนมี’ ออกตัวดี เร่งแซงทันใจ

ไดร์ฟเมท ตีตั๋ว ‘แชริ่ง อีโคโนมี’ ออกตัวดี เร่งแซงทันใจ

ถือว่ามาแรงและโตเร็ว สำหรับ “ไดร์ฟเมท” (Drivemate) หนึ่งในทีมสตาร์ทอัพภายใต้ “ดีแทค แอคเซอเลอเรท” ปี5

กรุงเทพธุรกิจเคยมีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งไดร์ฟเมทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ในเวลานั้นยังมีรถให้เช่าในระบบเพียง 500 คัน แต่ใช้เวลาไม่ถึงปีปัจจุบันจำนวนรถก็เพิ่มเป็น 6 พันคัน และสามารถขยายบริการได้มากกว่า 35 จังหวัดแล้ว

ที่สุดความโดดเด่นนี้ก็เลยไปเข้าตา “500 Tuk Tuks” นำมาซึ่งการได้รับเงินลงทุนในรอบ Seed ทั้งยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ความคุ้มครองเจ้าของรถและผู้เช่ารถ

ไดร์ฟเมท เป็นทีมที่ผู้ร่วมก่อตั้งเป็นสามีภรรยาที่ต่างก็มีความสนใจในเรื่องของธุรกิจเหมือนกัน นั่นคือ “ศิลป์รัฐ สุขวัฒนศิริ” และ “ธัญญธร ฐิติเศรณี” ทั้งยังพ่วงด้วย “พรนิรันด์ เลิศธีพงศ์ ” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านอินชัวรันส์ประกันภัยและธุรกิจเช่ารถกว่า 15 ปี

“เราเป็นพีทูพี คาร์แชริ่งรายแรก และเวลานี้ถือเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย”ศิลป์รัฐ กล่าวอย่างมั่นใจ

แต่กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เขาเล่าย้อนไปถึงไอเดียที่มาของไดร์ฟเมทว่า เพราะได้ไปเห็นสตาร์ทอัพเช่ารถในต่างประเทศอย่าง TURO ซึ่งสามารถเรสด์ฟันด์เงินลงทุนไปจนถึงระดับซีรีส์บีคิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 6-7 พันล้านบาท

“เรามองว่าตลาดไทยมีศักยภาพ และมีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน”

พวกเขาศึกษาต่อว่าแท้จริงแล้ว พีทูดีคาร์แชริ่ง คืออะไร? แชริ่ง อีโคโนมี มีโอกาสแค่ไหนในอนาคต? เนื่องจากเรื่องนี้ยังใหม่สำหรับเมืองไทยเรา ซึ่งก็ได้พบว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นที่ช่วยยืนยันว่ามันคือ “โมเดลธุรกิจแห่งอนาคต”

เนื่องจากคนรุ่นใหม่ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนโลกใบนี้ ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าการเป็นเจ้าของสิ่ง ๆหนึ่งหมายถึง “ภาระ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ ซึ่งเชื่อว่าในไม่ช้าระบบขนส่งมวลชนจะมาตอบโจทย์ผู้คนได้ดียิ่งขึ้น และบรรดาคนรุ่นใหม่ก็สามารถใช้วิธีเช่ารถได้ในวันที่ต้องการใช้งานจริงๆ

อย่างไรก็ดี เกือบขวบปีที่ผ่านมา ศิลป์รัฐ ยอมรับว่า ไดร์ฟเมทเองก็เผชิญกับอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่เชื่อใจ

"คนไทยยังไม่รู้จักธุรกิจรูปแบบนี้ ไม่มั่นใจว่าเช่าแล้วจะได้รถหรือเปล่า บางทีเจ้าของรถอาจเกิดเปลี่ยนใจไม่ปล่อยเช่า ซึ่งก็เคยเกิดขึ้น และถ้าเขาเคยปล่อยรถกับเรามาก่อนเขาก็ต้องถูกปรับ แต่ถ้าถ้าไม่เคยปล่อยให้เช่าเลยและมีเหตุผลไม่ดีพอเราก็จะแบนเขาเลย"

แต่โดยรวมแล้วถือว่าทุกอย่างราบรื่น เนื่องจากไดร์ฟเมทมีจุดเด่นหลายเรื่อง เช่น มีรถยนต์ให้ผู้เช่าเลือกอย่างหลากหลายตั้งแต่อีโคคาร์ไปจนถึงลักชัวรี่คาร์ถ้าวันไหนอยากหรู ผู้เช่าก็สามารถไปเลือกรถซูเปอร์คาร์อย่าง เฟอร์รารี่,เบนท์ลี่ย์ หรือ พอร์ช กระทั่งเทสล่า มาขับในราคาเบา ๆ เริ่มต้นที่ 8 พันบาทไปจนถึง 5 หมื่นบาทต่อวัน (ผู้ปล่อยเช่าเป็นผู้กำหนดราคาด้วยตัวเอง แต่ทางไดร์ฟเมทจะให้คำแนะนำถึงราคาที่มีความเหมาะสม)

"เรารองรับทั้งเงินโอน เงินสด และบัตรเครดิต จ่ายเงินได้หลายช่องทาง แต่พูดตรงๆว่า ราคาเช่ารถอีโคคาร์ของเราไม่ได้ถูกกว่ารายอื่น แต่รถบีเอ็ม เอสยูวี หรือรถตู้ของเราจะถูกกว่าตลาด 20-30% เลยทีเดียว และเรายังไม่บวกราคาเพิ่มในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย"

ไดร์ฟเมท มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้เช่ารถและมีระบบติดตามรถยนต์เพื่อความปลอดภัย และมีระบบการเรตติ้งและรีวิวเพื่อทั้งผู้เช่าและผู้ปล่อยเช่า ต่างฝ่ายต่างให้คะแนนกันและกัน เพื่อนำมาซึ่งการพัฒนาบริการและการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจปัจจุบันรถที่มาปล่อยเช่าในระบบไม่ใช่รถส่วนตัว 100% แต่จะมีรถของพันธมิตรที่เป็นโลคัลคาร์เรนทอลด้วย ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ไดร์ฟเมทเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด 

ศิลป์รัฐ บอกว่า กลยุทธ์ของไดร์ฟเมท ก็คือ การมีพาร์ทเนอร์ที่ดี มีโอเปอเรชั่นที่ดี และมีเทคโนโลยีที่นำพาไปสู่วิชั่นที่ตั้งไว้

“เราจะเป็นบริษัทรถเช่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเซาท์อีสต์เอเชีย โดยเริ่มที่ไทยก่อน และจากนี้อีก 1-2 ปีข้างหน้า เราวางแผนจะขยายไปมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม”

อย่างไรก็ดี ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะลอนซ์ในเร็วๆนี้ เป็นบริการ “ให้เช่ารถพร้อมคนขับ” เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องจากผู้ปล่อยเช่าจำนวนมากที่ต้องการปล่อยให้เช่ารถพร้อมผู้ขับซึ่งเป็นตัวเขาเอง ซึ่งไดร์ฟเมทมองว่าดีมานด์และซัพพลายในเรื่องนี้จะมีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงต้องแยกส่วนบริการให้ชัดเจน รวมถึงอยู่ระหว่างพัฒนาแอพเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายช่วยดึงลูกค้าต่างชาติเข้ามาในระบบให้มากยิ่งขึ้น

ซึ่งเงินทุนที่ได้รับมา  ก็จะนำเอามาพัฒนาเรื่องของระบบ และขยายทีมงาน โดยมีคอนเซ็ปต์ว่าจะพยายามใช้คนให้น้อยที่สุด ใช้คนที่จำเป็นจริงๆ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 12 คน

ด้าน “สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์” ผู้อำนวยการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า ส่วนตัวของเขาเองชื่นชอบอะไรที่เป็นแชริ่ง อีโคโนมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และการที่ไดร์ฟเมทเข้ามาสมัครเข้ามาในโครงการจึงเป็นอะไรที่ตรงใจ และไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียว แม้แต่ “แจ็ค” กิตตินันท์ อนุพันธ์ ผู้ก่อตั้งเคลมดิเองก็ขอนำเสนอตัวเพื่อเป็นเมนทอร์ให้กับทีมนี้ทันทีเช่นเดียวกัน

"ตอนที่ไดร์ฟเมทเข้าดีแทค แอคเซอเลอเรทใหม่ ๆ ก็ยังงง อยู่เลยว่าจะโตแบบไหน เป็นแบบบีทูบี หรือบีทูซี จะโตกี่เอ็กซ์ดี  ขณะที่ในวันนี้เขาก็เติบโตขึ้นมาถึง 4-5 เท่าจากวันนั้น ตัวผมเองเพิ่งกลับจากซานฟรานซิสโกเมื่อวานนี้เองและได้ลองไปเช่ารถของ TURO ด้วยและได้เห็นว่าที่ไดร์ฟเมททำได้ดีกว่านั่นคือ การมีคนขับรถมาส่งให้ผู้เช่าถึงที่หน้าบ้าน เพราะจริตของคนไทยมีเรื่องของการให้บริการ"

“ปารดา ทรัพย์ประเสริฐ” ผู้บริหาร 500 Tuk Tuks มองว่าทีมไดรฟ์เมทมีศักยภาพที่สูงมาก มีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งธุรกิจน่าจะสเกลได้ง่าย กระทั่งตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะให้การสนับสนุน ซึ่งผลลัพธ์ที่ผ่านมาก็ไม่ผิดหวังถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

“ดร.บุญส่ง เสริมศรีสุวรรณ” ผู้บริหารของ แอลเอ็มจี ประกันภัย กล่าวถึงเหตุผลในการเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ว่า เพราะบริษัทมองว่าคาร์แชริ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตอย่างไม่มีข้อสงสัย และแอลเอ็มจีเองนั้นยังเป็นพาร์ทเนอร์ของTURO อีกด้วย

"เรามองเห็นเทรนด์นี้มาหลายปี และก่อนที่จะรู้จักกับไดร์ฟเมท ผมเองได้รับภารกิจให้เสาะหาธุรกิจคล้ายๆ กันนี้เพื่อจับมือเป็นพันธมิตร คงต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ได้มาเจอกับคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาส เพราะเมืองไทยอาจทำยากกว่าเมืองนอกในเรื่องของความคิด และการยอมรับ แต่เชื่อว่าตลาดนี้มีศักยภาพแน่นอน"