3 กูรู เอ็กซเรย์ “ทองคำ” ฟันธงปีหน้า..ราคาไปต่อ !

3 กูรู เอ็กซเรย์ “ทองคำ” ฟันธงปีหน้า..ราคาไปต่อ !

เปิดคำพยากรณ์ตลาดทองคำ 3 เดือนสุดท้ายปี 60 “กูรู”ชี้ส่อปรับฐาน แนวโน้ม“ขาลง”มากกว่า“ขาขึ้น” แนะเก็งกำไรระยะสั้น รอจังหวะ“ช้อนของถูก” รอลุ้นสตอรี่บวกปี 61 มีโอกาส Comeback ทำ“นิวไฮ" 1,358 ดอลล์ต่อออนซ์ 

หลายปีที่ผ่านมา ราคา “ทองคำ ผันผวนต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (3 ก.ย.ที่ผ่านมา) จากอดีตปี 2554 ราคาทองเคย พีคสุด ถึง 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์  เรียกว่า ราคาทองคำในรอบ 6 ปี ปรับตัวลดลงเกือบ เท่าตัว”  

ทว่า สถานการณ์ในปี 2560 ตั้งแต่ต้นปีราคาทองคำอยู่ที่ 1,151 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างทางราคาทองคำมีลักษณะ “ปรับขึ้น-ลง” ตลอด และขึ้นไปทำ จุดสูงสุด” (New High) ของปีนี้ อยู่ที่ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เมื่อกลางเดือนก.ย.) 

ในช่วงที่เหลือ 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.) ของปีนี้ ทิศทางราคาทองคำจะเป็นอย่างไร ไปฟังทัศนะจาก “3 กูรูตลาดทอง

ผ่านคำบอกเล่าของ ธีระพงศ์ นววัฒนทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG บอกว่า ช่วงที่เหลือของปี 2560 ราคาทองคำน่าจะมีลักษณะเป็น ขาขึ้น” แบบไซด์เวย์อัพ แต่ต้องดูว่าจะกลับไปทำ New High เดิม 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาได้หรือไม่

สาเหตุที่ภาพรวมราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้น มาจากหลายปัจจัย เช่น แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรื่องการเลือกตั้งในยุโรป หรือ แม้แต่ทางประเทศเกาหลีเหนือมีการยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามประเทศ สะท้อนผ่านราคาทองคำเมื่อกลางเดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้นไปทำ จุดสูงสุด ของปีนี้ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่หันมา สะสม ทองคำมีมากขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ฉะนั้น แนะนำปรับเพิ่มพอร์ตการลงทุนทองคำเป็น 15-20% จากเดิม 10-15% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

ประกอบกับ หากประเมิน ผลตอบแทน ตั้งแต่ต้นปี-ก.ย.ที่ผ่านมา ผลตอบแทนในการลงทุนเฉลี่ย ราว14%” ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แม้ว่าระหว่างทางราคาทองจะผันผวน ขึ้น-ลง ตลอดช่วงครึ่งปีแรก สถานการณ์เช่นนี้จึงอยู่ที่นักลงทุนจะจับจังหวะการลงทุนได้ถูกทางหรือไม่ 

อย่างไรก็ตามไตรมาส 4 ปี 2560 คาดว่าราคาทองน่าจะปรับตัวขึ้นยาก” เนื่องจากเดือน ต.ค.-ธ.ค.ของทุกปีแนวโน้มราคาทองคำอยู่ในช่วงขาลง โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.เป็นช่วง“ปิดพอร์ต”การลงทุนของต่างชาติ ดังนั้น ปลายปีราคาทองคำมีโอกาสปรับลดลงเป็นปกติ

รีเทิร์นทองคำถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าระหว่างทางราคาจะผันผวน เพียงแต่ว่านักลงทุนเข้าออกให้ถูกจังหวะเขาย้ำ

สำหรับทิศทางราคาทองปี 2561 เขาบอกว่า น่าจะมีโอกาสขึ้นไปแตะ New High เดิม 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามปัจจัยกดดันเรื่องความไม่มั่นคงของสถานการณ์โลก โดยเฉพาะสถานการณ์เกาหลีเหนือและสหรัฐ ฉะนั้นมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำขึ้นไปแตะ New High สูงสุดเมื่อปี 2554 ที่ราคาทองคำ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ตามวัฎจักร” (cycle) ทองคำนั้นมีลักษณะ “5ปีขาขึ้น 5ปีขาลง ซึ่งปัจจุบันก็ใกล้จะเป็นขาขึ้นของทองคำแล้ว

ถามว่ามีโอกาสเห็นราคาทองคำจะขึ้นไปแตะนิวไฮเดิม 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไหม ด้วยสถานการณ์ความมั่นคงของโลกมีสูงขึ้น ก็เป็นโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับมา New High ได้อีกครั้ง

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำ YLG ประเมินว่า ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1,170-1,295 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยจับตาแนวรับแรกบริเวณ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้คาดว่า ราคาจะค่อย ๆ ขยับทดสอบแนวต้านได้อีกครั้ง โดยมีโซนแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์

หากราคาทองคำปรับตัวขึ้น และทรงตัวเหนือแนวต้านสำคัญระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง ยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นต่อเพื่อทดสอบ High เดิมของปี 2560 บริเวณ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดต่ำกว่าบริเวณ 1,194 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จะมีโอกาสปรับตัวลงต่อเพื่อทดสอบแนวรับบริเวณ 1,170 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ดังนั้น แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น และข้อเน้นย้ำ ว่า นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน ที่มีจุดเข้าซื้อและจุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมติดตามข่าวสารประกอบการลงทุนทองคำอย่างใกล้ชิด

ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ หรือ GBX วิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำให้ฟังว่า ช่วงที่เหลือของปี 2560 ยังมีปัจจัยกดดันราคาทองคำคาดว่าราคาทองคำจะอยู่ในกรอบ 1,100-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สาเหตุที่กดดันราคาทองจะมาจากปรับลดงบดุลของเฟดปีละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และครบวงเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 ซึ่งถือเป็นกระบวนการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกลับสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐจะกลับมาแข็งแกร่ง

ดังนั้น หากจุดสิ้นสุดของนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายใกล้เข้ามาจริง อาจยิ่งหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนในการถือครองทองคำก็สูงขึ้นตามไปด้วยเพราะทองคำไม่ให้ดอกเบี้ยผลตอบแทนในการถือครอง และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะกดดันราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง

ถึงแม้จะเผชิญกับ “ปัจจัยลบ” แต่ก็มี “ปัจจัยบวก” ที่อาจส่งผลต่อให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้หลายปัจจัย ประกอบด้วย ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ต้องเผชิญกับการสอบสวน กรณีที่เข้าไปแทรกแซงการสอบสวนของรัฐบาลกลาง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตวิทยาการลงทุน นักลงทุนเกิดความกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐฯ อาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการปฏิรูปภาษี ปัจจัยเหล่านี้อาจเรียกแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งทางการเมือง หรือ Geopolitical ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลี ก็ปัจจัยบวกระยะสั้นที่เข้ามาหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้เป็นระยะๆ

อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มราคาทองจะขยับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า และมีโอกาสที่จะกลับไปทำ New High เดิม 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ภายใต้สมมติฐานสถานการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐไม่ปกติ หรือมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ “ณัฐวุฒิ” บอกว่า คำขู่ที่ตอบโต้กันไปมาระหว่างทรัมป์กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ถือเป็นเพียงปัจจัยบวกใน ระยะสั้น ต่อราคาทองคำ เช่นเดียวกับแรงส่งจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อในช่วงสัปดาห์ก่อนหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ หรือ OPEC กับ non-OPEC มีแนวโน้มจะขยายเวลาลดกำลังการผลิตต่อไปอีก เมื่อสิ้นสุดมาตรการปัจจุบันในช่วงสิ้นเดือน มี.ค.2561

สอดคล้องกับมุมมองทาง เทคนิค ที่มีแนวต้านบริเวณ 1,320 ดอลลาร์ ทำให้การรีบาวน์จึงมีกรอบจำกัดเว้นแต่ว่าจะมีความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีและทวีความรุนแรงขึ้นหรือมีประเด็นบวกที่ชัดเจนอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุนราคาต่อทองคำ ดังนั้น ราคาทองคำจะยังคงอยู่ในทิศทางขาลงหากไม่สามารถรีบาวน์ขึ้นเหนือ 1,320 ดอลลาร์ได้

จึงแนะนำเน้นเทรดฝั่ง short แต่ถ้าราคาขึ้นสูงเกินกว่า 1,320 ดอลลาร์ ควรปรับกลยุทธ์มาจับจังหวะเทรดในกรอบ ไซต์เวย์เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะหนุนราคาให้ทะยานขึ้นทำ new high ใหม่ได้

จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ วิเคราะห์ตลาดทองคำ ว่า ในปีนี้ ราคาทองคำ ผันผวน ตลอด โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังความผันผวนมากขึ้น โดยมองว่าทองคำอยู่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ในระยะสั้นยังอยู่ในช่วง ขาลง ด้วยปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากถึง 83% ที่เฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ และถือเป็นปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวของราคาทองคำ

ทว่า ราคาทองคำอาจมีโอกาสปรับขึ้นอีกครั้งของราคาทองคำในปี 2561 แต่ะจะปรับตัวขึ้นไปทำ จุดสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (กลางเดือนก.ย.2560) ภายใต้สมมติฐานที่ว่า เฟดต้องไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. และปัญหาระหว่างเกาหลีเหนือ-สหรัฐ

โดยให้กรอบราคาทองปีนี้อยู่ที่ 1,250-1,270 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และผลตอบแทนการลงทุนตั้งแต่ต้นปี-เดือนต.ค.60 ผลตอบแทนยังเป็นบวก” 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายใหม่ หากยังไม่มีทองคำถืออยู่ในมือ ก็อยากให้แบ่งเงินในพอร์ตมาลงทุนบ้างเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง จะซื้อเป็นทองแท่ง ทองรูปพรรณก็ได้ เพราะโดยส่วนตัวยังเชื่อว่า ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ควรเก็บมากที่สุด

-------------------------------

ทองคำทางเลือก การออม

นักวิเคราะห์จาก บลจ. บัวหลวง ระบุไว้ว่า การลงทุนในทองคำแท่ง แม้จะให้ทั้งผลกำไรและลดความเสี่ยงแต่ก็มีเรื่องที่ต้องคำนึงถึงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือการเก็บรักษา เพราะการซื้อทองไม่เหมือนการซื้อหุ้นเนื่องจากเป็นการครอบครองทองคำจริง ๆ ที่ไม่ได้มีการระบุกรรมสิทธิ์จึงเสี่ยงจากการถูกลักขโมยและนำไปขายต่อ

ขณะที่การขายก็ต้องคำนึงถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขายด้วยเช่นกันเพราะการลงทุนด้วยการซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้โดยตรงมีข้อจำกัดอยู่มาก การลงทุนทางอ้อมผ่าน กองทุนรวมทองคำ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินขั้นต่ำสำหรับการลงทุน และรูปแบบในการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย

 “การสะสมทองเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไป ในทิศทางเดียวกันกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือ สินทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่น ๆ

ทั้งนี้ หากนิยมลงทุนแบบ เก็งกำไร ก็สามารถซื้อ-ขายกองทุนทองคำตามจังหวะการลงทุนได้ ใช้เงินลงทุนน้อย จะทยอยขายหรือทยอยซื้อก็ได้ แต่ถ้าอยากใช้เป็นช่องทางลงทุนระยะยาว เพื่อรอรับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำก็ได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการสะสมจะค่อย ๆ ซื้อหน่วยลงทุนเก็บไว้ ไม่จำเป็นต้องมีเงินหลักแสนเพื่อซื้อทองคำแท่งหนัก 5 บาท