สหรัฐให้นายจ้างปัดซื้อประกันคุมกำเนิดลูกจ้าง

สหรัฐให้นายจ้างปัดซื้อประกันคุมกำเนิดลูกจ้าง

“โดนัลด์ ทรัมป์” อนุญาตให้นายจ้างสามารถปฏิเสธการซื้อระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการคุมกำเนิดให้แก่ลูกจ้างหญิง ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนเกือบ 56 ล้านคนในสหรัฐ

กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐแถลงเมื่อวันศุกร์ (6 ต.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งยกเลิกข้อบังคับให้นายจ้างต้องซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการคุมกำเนิดให้กับลูกจ้างหญิง ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้กฎหมายประกันสุขภาพ “โอบามาแคร์” ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2553

รายงานของรัฐบาลเมื่อปีที่แล้วระบุว่า มาตรการนี้สามารถช่วยเหลือประชากรเพศหญิงราว 55.6 ล้านคน ในการเข้าถึงประกันสุขภาพที่ครอบคลุมบริการคุมกำเนิดซึ่งไม่คิดค่าใช้จ่าย

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวหมายความว่า นายจ้างและบริษัทประกันสามารถปฏิเสธการซื้อและขายระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการคุมกำเนิดได้ หากมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อ “ความเชื่อทางศาสนา” และ “ความเชื่อมั่นต่อศีลธรรม” ของตัวเอง ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความพอใจให้กับบรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาลที่เคร่งศาสนา

กฎหมายโอบามาแคร์เป็นหนึ่งใน “วาระแห่งชาติ” ที่นายทรัมป์ต้องการแก้ไข โดยให้เหตุผลว่าเป็น “หายนะ” ของระบบสาธารณสุขสหรัฐ แต่จนถึงตอนนี้ร่างกฎหมายแก้ไขโอบามาแคร์ยังไม่ผ่านความเห็นชอบอย่างสมบูรณ์จากสภาคองเกรส และหลายฝ่ายเตือนว่าการยกเลิกโอบามาแคร์อาจทำให้พลเมืองอเมริกันเสียสิทธิ์มากถึง 24 ล้านคน ภายในปี 2569

ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็น “วันประวัติศาสตร์ของเสรีภาพทางศาสนา” ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียและแมสซาชูเซตส์ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลาง เพื่อให้มีการพิจารณาระงับคำสั่งของนายทรัมป์ ขณะที่ทางการของอีก 16 รัฐประกาศเตรียมฟ้องร้องต่อศาลเช่นกัน 

ด้านสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (เอซีแอลยู) ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงรัฐบาลกลางในเมืองซานฟรานซิสโกว่า คำสั่งของผู้นำสหรัฐว่าละเมิดรัฐธรรมนูญที่ระบุชัดเจนว่าอำนาจรัฐและศาสนาเป็นประเด็นที่ต้องแยกจากกัน