ตั้งรางวัล 1 แสน ให้ผู้ชี้เบาะแสคดีฆาตกรรม "หลวงปู่บู่" ตำรวจยืนยันคดีไม่ถึงทางตัน ส่งทีมสืบสวนมือดีภาค 4 ลงพื้นที่ รื้อคดีสอบใหม่
เวลา 14.00 น.ของวันที่ 6 ต.ค.60 พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภาค 4 ร่วมประชุมและติดตามความคืบหน้าคดีการสังหารหลวงปู่บู่ กิตติญาโณ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นคดีสะเทือนขวัญคนร้ายมีพฤติการณ์อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย และไม่เกรงกลัวบาปศีลธรรม โดยมี พล.ต.ต.สมเกียรติ เกิดจงรัก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร นำทีมสืบสวนที่คลี่คลายคดีรายงานความคืบ หน้าของคดี
จากนั้นคณะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ที่วัดสุมังคลาราม บ.พังขว้างกลาง ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร โดยจุดแรกดูสถานที่ที่กุฏิของหลวงปู่บู่ ซึ่งยังมีการกั้นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้บุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าไป โดยมีการวิเคราะห์เส้นทางเข้าออกของคนร้าย คาดว่าช่วงเวลาเกิดเหตุ หลวงปู่บู่ เป็นคนเปิดกุญแจให้คนร้ายเข้าไปบนกุฏิก่อนจะถูกทำร้าย ขณะเดียวกันที่ช่องระเบียงของกุฏิ ซึ่งเป็นช่องที่คนสามารถปีนลอดเข้าไปได้ หลวงปู่มีการใช้ไม้มาพาดและมัดไว้แน่นหนา ก่อนจะมรณภาพประมาณ 4-5 วัน ทำให้เชื่อว่าต้องเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดหลวงปู่ และหลวงปู่น่าจะรู้ตัวว่าจะมีอันตราย จึงได้นำไม้มาปิดช่องลมระเบียง
พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า แนวทางการสอบสวนจะเริ่มต้นใหม่ และแยกผู้ต้องสงสัยออกมาวิเคราะห์ทีละคน ว่ามีความเกี่ยวข้องในส่วนของคดีมากน้อยอย่างไร ส่วนผู้ต้องสงสัยที่มีผลดีเอ็นเอปรากฏอยู่ในหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ก็ยังไม่สามารถขอออกหมายจับได้ เพราะหลักฐานยังไม่เพียงพอ ทำให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานต้องทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนประเด็นของการตายของหลวงปู่บู่ยังมุ่งที่ปมชิงทรัพย์ จากบุคคลใกล้ชิด เพราะมีทรัพย์สินบางส่วนหายไปคือกระเป๋าสะพายหนังสีดำที่หลวงปู่นำติดตัวไว้ตลอดเวลา พร้อมจะเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบใหม่ทั้งหมด
“ตนเองมอบหมายให้ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รองผบช.ภ.4 ลงมาดูแลคดีนี้เป็นพิเศษ และมี พล.ต.ต.ยรรยงค์ เวชโอสถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 นำทีมสืบสวนมือดี ปูพรมลงพื้นที่ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญและอุฉกรรจ์ ที่อยู่ยังคลี่คลายไม่ได้ในพื้นที่รับผิดชอบ และเป็นคดีที่ต้องใช้ความรอบคอบ เพราะผู้ต้องสงสัยไม่ใช่คนนอกพื้นที่ เป็นบุคคลใกล้ชิดหลวงปู่ จากวิเคราะห์ที่เกิดเหตุบนกุฏิ หลวงปู่ต้องเปิดกุญแจให้คนร้ายเข้ามาและล็อคกุญแจ ก่อนจะถูกทำร้ายด้วยค้อนทุบที่กลางกระหม่อมเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต”
ทั้งนี้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอีกระยะหนึ่งเพื่อความรัดกุม คดีนี้ยังไม่ถึงทางตันเชื่อว่าจะสามารถคลี่คลายคดีนี้ได้ เบื้องต้นตนเองขอตั้งรางวัลให้กับผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถนำไปสู่การคลี่คลายคดี จำนวน 1 แสนบาท แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถแกะรอยจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร จะมอบเงินบำรุงขวัญ 1 แสนบาทเช่นกัน