โตโยต้า “ยาริส เอทีฟ” นุ่ม เงียบ คุมง่าย แรงพอตัว
โตโยต้า ส่งอีโค คาร์ รุ่นที่ 2 เข้าสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้ นั่นก็คือ "ยาริส เอทีฟ" รถซีดาน 4 ประตู ซึ่งต่อยอดมาจากยาริส แฮทช์แบ็ค และดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีทีเดียว ยอดจองถึงวันที่ 21 ก.ย.มีเข้ามาแล้ว 6,700 คัน
รูปร่างหน้าตาของยาริส เอทีฟ ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ สวยงาม ด้านหน้าดูล้ำสมัย และร่วมสมัยกับรถรุ่นอื่นๆ ในเครือ ด้านข้างเล่นกับเส้นสายหลายเส้น ให้ดูมีมิติ มัดกล้าม และเคลื่อนไหว ด้านท้ายก็ดูโฉบเฉี่ยวกับโคมไฟทรงรีแหลม พาดผ่านฝาท้ายและแก้มด้านข้าง
แต่ผมจะชอบมากกว่าถ้าลดขนาดของโคมไฟท้ายลงสักนิด มันดูใหญ่ไปเมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ
ภายในดูดีเลยครับ วัสดุที่ใช้ดูสวยงามมีราคา และเก็บงานได้ค่อนข้างปราณีต ทั้งชุดคอนโซลหน้า ประตู หรือพวงมาลัย 3 ก้าน หุ้มหนังเดินด้ายแดง เสริมด้วยแถบเมทัลลิค เพื่อเติมอารมณ์สปอร์ตเข้าไป ยังไม่ได้บอกว่ารถที่ทอยู่กับผมเป็นตัวท็อปสุด รุ่น เอส ราคา 6.19 แสนบาท
เบาะนั่งผ้าลายสปอร์ตอาจจะยังดูไม่คุ้นตา แต่นั่งดี กระชับลำตัว ส่วนเบาะหลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยังขาดๆ เล็กน้อยตรงพื้นรองต้นขาถ้ายาวกว่านี้จะนั่งได้สบายขึ้น แต่โดยรวมแล้วสอบผ่าน ส่วนพื้นที่ภายในห้องโดยสารสำหรับความเป็นอีโค คาร์ก็ถือว่ากว้าง นั่งได้ไม่อึดอัด
การออกแบบโดยรวมทันสมัย สวยงาม ตำแหน่งการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ สะดวก การมองข้อมูลต่างๆ ทั้งความเร็ว รอบเครื่องยนต์ หรือข้อมูลการขับขี่เช่น อัตราสิ้นเปลือง ความเร็วเฉลี่ยเห็นชัดเจน
ออพชั่นเต็ม ระบบบันเทิง-แอร์แบ็ก7ใบ
เป็นอีโค คาร์ ที่มีขนาดไม่เล็กสำหรับ ยาริส เอทีฟ เพราะที่มาของมันก็คือ การยกตัวถังของบี-เซ็ํกเมนต์ มาทำเป็นอีโค คาร์ ตั้งแต่ตัวแรก คือ ยาริส แฮทช์แบ็ค รถมีขนาดความยาวตัวถัง 4,425 มม. กว้าง 1,730 มม. และสูง 1,475 มม. ความยาวช่วงล้อ 2,550 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 133 มม. รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร ล้ออัลลอยและยางขนาด 185/60 R15 น้ำหนักรถบวกน้ำมันเต็มถัง 1,087 กก.
อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่นท็อปใส่มาเต็มที่ ตั้งแต่ภายอก เช่น ไฟหน้า โปรเจคเตอร์รมดำตกแต่งด้วยวงแหวนสีแดง ไฟขับขี่กลางวัน ไฟท้ายรมดำ แอลอีดี ไฟเบรกดวงที่ 3 แอลอีดี และรีเฟลคเตอร์ท้ายอยู่ในบริเวณขอบล่างกันชนท้ายอย่างลงตัว กระจกมองสีดำเปียโนแบล็ค พร้อมแถบสีแดงล้อไปกับเส้นแดงที่กระจังหน้า มือจับประตูโครเมียม เสาอากาศครีบฉลาม เปิด-ปิด ประตู ระบบสมาร์ท เอ็นทรี ไม่ต้องถือกุญแจ เช่นเดียวกับการสตาร์ทที่เป็นพุชสตาร์ท
เติมหรูให้อีโค คาร์
ภายในมาตรวัดเรืองแสง แบบออพติตรอน ดูหรู จอสีแสดงผลการขับขี่ทีเอฟที เครื่องเสียงลำโพง 6 ดอก เล่น วิทยุ ดีวีดี ซีดี เอ็มพี 3 เอ็มพี 4 ดับเบิลยูเอ็มเอ มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ช่องต่อยูเอสบี 1 ช่อง ซึ่งบางคนบอกว่าน้อยไปสำหรับยุคดิจิทัลอย่างนี้ ก็ว่ากันไป นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ เอชดีเอ็มไอ ไมโครเอสดี การ์ด และบลูทูธ เชื่อมต่อโทรศัพท์
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แสดงข้อมูลการทำงานผ่านจอแอลซีดี เห็นได้ชัดเจน พวงมาลัยปรับได้แบบสูงต่ำ แต่เลื่อนเข้าออกไม่ได้ เกียร์แบบขั้นบันได มี S และ B ให้เลือกใช้
ระบบความปลอดภัย และช่วยเหลือการขับขี่ มีถุงลม 7 ตำแหน่งที่คู่หน้า ด้านข้างของเบาะคู่หน้า และม่านนิรภัยสำหรับทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ระบบควบคุมการทรงตัว หรือ วีเอสซี ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ทีอาร์ซี ป้องกันการลื่นไถลเมื่อออกตัวหรือเหยียบกันคันเร่งบนทางลื่นหรือทางโค้ง ระบบจะตัดการส่งน้ำมัน ต่อให้เหยียบคันเร่งจนมิด ทำให้สามารถควบคุมรถได้ดีขึ้น ซึ่งผมแล้วทำงานได้จริงในสนามทดสอบที่บางนา
ระบบเอบีเอส ระบบเสริมแรงเบรก ดิสค์เบรกคู่หน้า ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน กล้องมองหลังเห็นภาพได้ชัดเจนเมื่อจะถอยหลังพร้อมเสียงเตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวาง และระบบไฟหน้าส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ระยะหนึ่งเพื่อให้เดินเข้าบ้านได้ปลอดภัย
พวงมาลัยน้ำหนักดี เติมความแม่นยำอีกนิด จะสมบูรณ์แบบ
พวงมาลัยกระชับ จับได้ถนัดมือ เป็นพวงมาลัยไฟฟ้า ผันแปรตามความเร็ว ให้น้ำหนักดี ช่วยให้ควบคุมได้ง่าย การขับขี่ที่ความเร็วสูงๆ สูงกว่าความเร็วปกติ ไม่ต้องเพิ่มแรงแค่จับหลวมๆ เช่นเดิม เรียกว่าไมเหนื่อยกับการควบคุมพวงมาลัยครับ
การขับขี่ในทางโค้งมีน้ำหนักที่ช่วยหน่วง ช่วยให้ควบคุมได้ดีขึ้นในเส้นทางเช่นนี้ แต่ความแม่นยำยังไม่เต็มร้อย มีจังหวะขาดๆ เล็กน้อย แต่ไม่เป็นปัญหาอะไร สร้างความคุ้นเคยสักพัก จะก็จัดการกับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
ผมขับเข้ายาริส เอทีฟ เส้นทางกรุงเทพ-จันทบุรี-กรุงเทพ เส้นทางหลากหลายรูปแบบ ทั้งมอเตอร์เวย์ ทางขรุขระ และทางเล็กๆ ลัดเลาะผ่านไร่ผ่านสวนมุ่งหน้าเลียบชายทะเล ก็ทำให้ได้จับอารมณ์บางอย่างที่ต้องบอกว่าโตโยต้าเขาทำมาดี ก็คือ การดูดซับแรงสั่นสะเทือน ทำให้นั่งได้สบาย กับเรื่องของการเก็บเสียงไม่ว่าจะป็นเสียงลม เสียงเครื่องยนต์ แม้บางช่วงจะลองกดคันเร่งขึ้นไปเกือบ 170 ก็ยังทำได้ดี และถ้าเป็นการขับขี่ทั่วไปสัก 120 บอกได้เลยว่าขับเพลินๆ
ช่วงล่างทำงานได้ดี การขับขี่ทั่วไป เช่น บนมเตอร์เวย์ที่ใช้ความเร็วพอควร รถนิ่ง ทรงตัวดี ส่วนการขับขี่ในทางคดโค้งไปมา การตอบสนองทำได้ดีระดับหนึ่ง ใช้ความเร็วได้ แต่ยังมีอาการโยนของตัวถังให้รู้สึกได้ แต่ผมยืนยันว่าถ้าขับด้วยความเร็วปกติ ทางโค้งก้ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ผ่านไปได้สบายๆ
ออกตัวไม่ร้อนแรง ติดลมบนสนุกได้
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์ซูเปอร์ ซีวีที-ไอ ให้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 15.28 วินาที
การตอบสนองของเครื่องยนต์ช่วงออกตัว ไม่ได้ร้อนแรงอะไรนัก ต้องเข้าใจว่ามันเป็นอีโค คาร์ และเกียร์ซีวีที ที่ต้องรู้ว่าควรจะขับแบบไหน ส่วนการเร่งแซงอาจจะมีจังหวะหน่วงเล็กน้อยให้รู้สึก แต่ถามว่าใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไหม ตอบว่าได้ครับ เพราะผมก็ต้องเร่งแซงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทำได้ดี ไม่ต้องลุ้นต้องเสียว และหากอยากให้กระฉับกระเฉงก็ตบคันเกียร์เข้าหาตัวจาก D มา S จะช่วยได้พอควร
ถ้าจะสรุป เรื่องการขับขี่ ต้องบอกว่าสอบผ่านสบายๆ สำหรับอีโค คาร์ ตัวนี้ การควบคุมทำได้ง่าย ทัศนวิสัยดี ช่วงล่างและพวงมาลัย อาจจะยังไม่ถูกใจในบางเรื่อง แต่คะแนนก็เกิน 80 แน่นอน ส่วนอัตราสิ้นเปลืองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โดดเด่น เพราะผมเหยียบๆ อัดๆ ตลอดเวลา ได้ค่าเฉลี่ย13 กม./ลิตร น้องอีกคันมาขับเฉลี่ย 120-130 มีบางช่วง 140 บ้าง ได้ 14 กม. และมีบางคนที่เขาลองขับประหยัดกันเห็นว่าได้สูงสุด 26 กม./ลิตร เลยทีเดียว
ที่สำคัญที่ผมชอบประมินรถโดยรวมก็คือ ขับแล้วเหนื่อยไหม สำหรับยาริส เอทีฟ ตอบได้ว่าไม่เหนื่อย เพราะฉะนั้นใครที่สนใจ ซื้อมาใช้ได้ไม่ผิดหวังครับ