“บิ๊กโจ๊ก” เปิดยุทธการ “อินทรีทมิฬ” ลุยค้น 12 จุดทั่วพัทยา จับแก๊งผิวสีหลบหนีเข้าเมือง-อยู่เกินกำหนด 18 ราย
ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง รรท.ผบก.ทท.1 ได้บูรณากำลังจากหน่วยอรินทราช ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจกองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ 191 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และทหาร ร.21 รอ. เปิดยุทธการ “อินทรีทมิฬ” ปิดล้อมจู่โจมตรวจค้นเป้าหมาย 12 จุด ทั่วเมืองพัทยา โดยมุ่งเป้ากวาดล้างแก๊งผิวสีลักลอบใช้ประเทศไทยเป็นฐานก่ออาชญากรรม กระเทือนเศรษฐกิจ ความมั่นคง และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ
ทั้งนี้ จากการกระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายทั้งหมด 12 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคาร ตึกเช่า หอพัก ธุรกิจ ร้านค้า ที่มีชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 18 ราย เป็นกลุ่มผิวสีหลายประเทศประกอบด้วย อูกานดา ไนจีเรีย อังกฤษ อิหร่าน แคเมอรูน อินเดีย และอุซเบกิสถาน ซึ่งแยกเป็นคดี “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 9 ราย และคดี “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตนั้นสิ้นสุด หรือ Over Stay” อีก 9 ราย นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมคดีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ครอบครองยาไอซ์ และทำการตรวจยึดยาเส้นต้องสงสัย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัญชาได้จำนวนหนึ่งอีกด้วย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งกำชับให้มีการกวาดล้างชาวต่างชาติ ที่หลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมักแฝงเข้ามาในคราบของนักท่องเที่ยวหรือเข้ามาประกอบอาชีพต่างๆ และใช้ประเทศไทยกบดานและก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น โรแมนซ์สแกม (Romance Scam) สกิมเมอร์ (Skimmer) และฟอกเงิน ส่งผลเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศอย่างมาก ทางตำรวจท่องเที่ยวจึงได้ลงพื้นที่เมืองพัทยาดำเนินการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับผู้กระทำความผิด จนสามารถร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้ ก่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ทั้งหมดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้ง ผลักดันออกนอกประเทศ และขึ้นบัญชีแบล็คลิสห้ามกลับเข้ามาในราชอาณาจักร 5-10 ปี ส่วนเจ้าของผู้ดูแลอาคาร ตึกเช่า หอพัก ที่มีผู้ต้องหาไปพักอาศัยอยู่นั้นจะได้เชิญตัวไปสอบสวนและตรวจสอบอีกครั้ง หากพบการเข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับให้ที่พักพิงกับบุคคลเหล่านี้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน