'สศค.'เตรียมปรับเป้าจีดีพีใหม่ ต.ค.นี้

'สศค.'เตรียมปรับเป้าจีดีพีใหม่ ต.ค.นี้

"สศค." เผยเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. ขยายตัวดีต่อเนื่อง หลังส่งออกโตสูงสุดในรอบ 55 เดือน เตรียมปรับเพิ่มเป้าจีดีพีใหม่ช่วงต.ค.นี้ ชี้มีโอกาสโตถึง 3.8%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวสูงที่ 13.2% สูงสุดในรอบ 55 เดือน ประกอบกับการใช้จ่ายภาคเอกชนขยายตัวดี โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนในเครื่องมือครื่องจักรช่วยสนับสนุนการเติบโตมากขึ้น สำหรับการนำเข้าในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขยายตัวที่ 14.9% ต่อปี โดยเฉพาะกลุ่ม วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เชื้อเพลิง ทองคำ สินค้าทุน เป็นต้น ขณะที่ดุลการค้าในเดือนสิงหาคมเกินดุล 2.1 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 62.4 ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากผู้บริโภค หวังว่าเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี และการลงทุนของภาครัฐที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้

ด้านเสถียรภาพการเงินภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่อยู่ที่ 0.3% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.5% ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สินเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 41.8% ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ที่ 60%

นายกฤษฎา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ สศค. ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี จะขยายตัวได้ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ประมาณการใหม่ที่ 3.8% โดย สศค.จะปรับประมาณการตัวเลขใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3-4 ปีนี้ คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ 3.7% อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนในโครงการของภาครัฐ

สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน สศค.ไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่า ธปท.จะติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการได้ ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐ ณ วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา การใช้จ่ายภาครัฐเบิกจ่ายได้ 93.3% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย และก่อหนี้ผูกพันแล้ว 96.7% ขณะที่งบลงทุนอยู่ที่ 70.7% และก่อหนี้ผูกพันแล้ว 85.1% ขณะที่การจัดเก็บรายได้ 11 เดือน ได้ 2.13 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1,961 ล้านบาท