Daily Market Outlook (27 ก.ย.60)

Daily Market Outlook (27 ก.ย.60)

ความตึงเครียดเกาหลีเหนือ-สหรัฐ เยลเลนยืนยันขึ้นดอกเบี้ย กดดัน

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ ความตึงเครียดของการเผชิญหน้าระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐ ยังคงมีผลกดดัน รวมทั้งคำยืนยันจากประธาน Fed เจเน็ท เยลเลนที่จะค่อย ๆ ขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพิ่มการคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.  นักลงทุนทั้งโลกรอแผนปฏิรูปภาษีจากทรัมป์หลังจากล้มเหลวในการจะแก้ไขพรบ.สุขภาพของโอบามา  ปัจจัยภายในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นบวก  ครม.อนุมัติงบลงทุนรัฐวิสาหกิจปี 2018 เกือบ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5.8 แสนล้านบาทในปี 2017  คาดกนง. คงดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยจากกระทรวงการคลังและสภาอุตสาหกรรมฯ

 

หุ้นเด่นวันนี้: SIRI(ราคาปิด 2.30 บาท; ซื้อ;ราคาเป้าหมายปี 60ของ AWS 2.64บาท)

บมจ. แสนสิริ ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ทั้งการการโอนกรรมสิทธิ์ ยอดขายล่วงหน้า และโครงการใหม่ๆ เราเชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมซึ่งสอดคล้องกับการเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างหนักหน่วง เราคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาดีมากในไตรมาสที่4 ของปีนี้โดยใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2560เราตั้งไว้ที่ 40,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 29% YoYยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เท่ากับ 23.1 พันล้านบาทคิดเป็น 58% ของเป้าหมายทั้งปี นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้นำในการขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยเราคาดว่ายอด presale ในต่างประเทศจะอยู่ที่ 8,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 48% YoYเฉพาะในปีนี้มียอดขายถึง 69% ของเป้าหมายหรือประมาณ 5.5 พันล้านบาท เราได้ตั้งราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2.64 บาทอ้างอิง PER ปี 2561 ที่ 11 เท่าซึ่งสูงกว่า PER เป้าหมายที่แล้วที่ 10 เท่าและสูงกว่า PER เฉลี่ยของกลุ่มฯเล็กน้อยเนื่องจากเราได้เพิ่มมูลค่าการเติบโตของ บริษัทในอนาคตตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป เราคาดว่าหุ้นจะให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดีในปี 2560 ได้ประมาณ 5.2% สำหรับ Price Pattern ของ SIRI มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SIRI มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 2.70 บาท ทั้งนี้ SIRI มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.22 บาทสำหรับแนวรับ-แนวต้านของ SIRI ในวันนี้เป็นดังนี้ (Resistance: 2.32, 2.36, 2.38; Support: 2.28, 2.26, 2.22)      

 

ปัจจัยสำคัญ                                                                                                       

ประเด็นในประเทศ:

  • คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ในวันนี้แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากกระทรวงการคลังและกลุ่มธุรกิจต่างๆ  (รอยเตอร์ /บางกอกโพสต์)
  • คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณลงทุน 1.97 ล้านล้านบาทของรัฐวิสาหกิจ 55 แห่งสำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับงบประมาณลงทุน 580 พันล้านบาทสำหรับปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา แบ่งเป็นงบประมาณ 796 พันล้านบาทสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ (บางกอกโพสต์)
  • คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือ SMEs มูลค่าประมาณ 43,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภาวะที่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไทยโพสต์)
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปี 2560 นี้ที่ระดับ 5% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออก นอกจากนี้ยังคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2561 ที่ 3.6% ขณะที่การส่งออกไทย คาดว่าจะเติบโตในอัตราสูงกว่า 5% ในปี 2560 และ 7% ในปี 2561 (ไทยโพสต์)

ต่างประเทศ:

  • ปธน.ทรัมป์กล่าวเขากำลังผลักดันแผนปฏิรูปภาษีอยู่ ทรัมป์ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันในการผลักดันกฎหมายหลังจากที่ความพยายามผลักดันการออกกฏหมายประกันสุขภาพของพรรครีพับลิกันที่จะนำมาใช้แทนโอบามาแคร์ประสบความล้มเหลว (รอยเตอร์)
  • อัตราผลตอบแทนสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร จากการให้ความเห็นของนางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟดว่าเฟดยังดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปแม้ว่าเงินเฟ้อยังต่ำอยู่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นเกือบ 2 bps ที่ระดับ 239% (รอยเตอร์)
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก และแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เทียบกับเงินยูโรเมื่อวันอังคารหลังประธานเฟดออกมาให้ความเห็นหนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดเพิ่มขึ้น 4% ที่ระดับ 93.009 (รอยเตอร์)

สหรัฐ

  • ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดไม่เปลี่ยนแปลงมากเมื่อวันอังคาร หลังจากความเห็นจากนางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟด ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมและตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคและยอดขายบ้านที่ลดลง (รอยเตอร์)
  • เยลเลนเผยเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะเป็นการไม่เหมาะสมที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อถึงระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2%  นอกจากนี้ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatchพบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 78% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 40% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับลดลงในเดือนกันยายน เนื่องจากผลของเฮอร์ริเคนฮาร์วีและเออร์มา โดยลดลงเป็น 119.8 จาก 120.4ในเดือนสิงหาคม ซึ่งในเดือนสิงหาคมเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือน (US Conference Board)
  • ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ ลดลง 4% MoMอยู่ที่ 560,000 หน่วยในเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2016 ทั้งนี้ ลดลง 1.2% YoY  ทั้งนี้ยอดขายบ้านใหม่นั้นถูกสำรวจมาจากใบขออนุญาตสร้างบ้านใหม่คิดเป็น 9.5% ของยอดขายบ้านทั้งหมด(รอยเตอร์)

ยุโรป:

  • หุ้นยุโรปคงที่วานนี้ หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันและบริษัทอาหารขนาดใหญ่อย่างเนสท์เล่ ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลกับปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี (รอยเตอร์)
  • จุดสนใจในยุโรปเริ่มมุ่งไปที่การแบ่งฝั่งมากขึ้นของการเมืองในหลายๆ ที่ เช่น สเปนและอิตาลี หลังจากการเลือกตั้งในเยอรมันที่ผ่านมาที่ถึงแม้ว่าอังเกลาจะคว้าชัยชนะเป็นสมัยที่ 4 แต่พรรคของเธอกลับเผชิญกับชัยชนะที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2492 ทำให้อังเกลาต้องเผชิญปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล (รอยเตอร์)

เอเชีย:

  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ฮารุฮิโกะ คุโรดะ กล่าวว่าจำเป็นที่จะต้องรักษานโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายที่ค่อนข้างสูงในปัจจุบันต่อไป เพื่อที่จะผลักดันอัตราเงินเฟ้อในประเทศ อีกทั้งยังคงต้องระวังความเสี่ยงจากเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน (รอยเตอร์)
  • การเติบโตของเศรษฐกิจจีนดูเหมือนว่าจะลดลงในไตรมาศ 3 ปี 2017 นี้ แต่ก็ยังคงดีกว่าในปีที่แล้วมาก จากการสำรวจภาคเอกชนซึ่งประกาศในวันพุธ กำไรของบริษัทในจีนปรับตัวดีขึ้น และการจ้างงานก็ยังคงอยู่ในระดับทีดี อย่างไรก็ตามกว่า 5 ไตรมาสที่ผ่านมาที่สินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในช่วงเติบโตร้อนแรงนั้น เริ่มที่จะลดความร้อนแรงลงแล้ว (China Beige Book International - CBB) 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันลดลง 1% หลังจากที่นักลงทุนเริ่มทำกำไรหลังจากที่ราคาได้รับแรงหนุนไปที่จุดสูงสุดในรอบ 26 เดือนโดยเกิดจากภัยคุกคามจากตุรกีเพื่อลดการส่งออกน้ำมันดิบจากเขตเคิร์ดดิสถานของอิรัก ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 58 เซนต์ (-9%) ปิดที่ 58.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากที่แตะระดับ 59.49 เหรียญฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2558 และมากกว่า 34% จากจุดต่ำที่สุดในปี2560 สำหรับราคาฟิวเจอร์สน้ำมันของสหรัฐปิดตลาด 34 เซนต์ลดลง (-0.7%) ที่ 51.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 52.43 เหรียญสหรัฐฯ(รอยเตอร์)
  • ราคาทองคำปรับตัวลดลง 1% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหลังความคิดเห็นของเจเน็ตเยลเลนประธานเฟด โดยราคาทองคำลดลง 1% มาอยู่ที่ 1,295.28 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาฟิวเจอร์สของทองคำสำหรับสัญญาส่งมอบเดือน ธ.ค. ตกลง 0.8% โดยปิดที่ 1,301.70 ดอลลาร์(รอยเตอร์)