TISCO - ซื้อ

TISCO - ซื้อ

คาดกำไรไตรมาส 3/60 แข็งแกร่ง

ประเด็นการลงทุน

เรายังคงคาดการณ์กำไร TISCO โตประมาณ 26% ในปี 2560 เป็น 6.3 พันล้านบาท และ 6% ในปี 2561 เป็น 6.7 พันล้านบาท เนื่องแนวโน้มการจัดการสินทรัพย์คุณภาพที่ดี ซึ่งส่งผลให้ธนาคารปรับลดการตั้งสำรองหนี้สูญในปี 2560 และ 2561 รวมถึงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวที่ 3.9% ในทั้งสองปี นอกจากนี้การเข้าซื้อสินเชื่อรายย่อยของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) (SCBT) กว่า 4 หมื่นล้านบาทในเดือนก.ย. 2560 จะส่งผลให้การเติบโตของสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้าและเกิดการขยายฐานลูกค้ารายใหม่เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 17% ในปี 2560 และ เติบโตเพียง 2% ในปี 2561 สัดส่วนเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ( CAR ) อยู่ที่ 20.5% โดยเราคาดว่าธนาคารไม่จะเพิ่มทุนหรือปรับนโยบายจ่ายเงินปันผลในปีนี้หรือปีหน้าแม้ว่าจะมีดีล SCBT ในไตรมาส 4/60 รวมถึงการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอตัวลงในปีหน้า ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ

คาดกำไรไตรมาส 3/60 เติบโต 21% YoY เนื่องสำรองที่ต่ำลง

เราคาดว่า TISCO ประกาศกำไรไตรมาส 3/60 ที่ 1.52 พันล้านบาท สูงขึ้น 21% YoY และ 1% QoQ กำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง YoY มาจากการตั้งสำรองที่
ลดลงเหลือ 500 ล้านบาท ลดลง 55% YoY และ 8% QoQ โดยทางธนาคารสามารถปรับลดอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.41% ณ สิ้น เดือน มิ.ย.
2560 ในขณะที่สัดส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญสูงสุดที่ 172% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งนี้เราเชื่อว่าธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะเพิ่มการตั้งสำรองฯในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 และ 2561 นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะแตะ 1.33 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้น 4% YoY

สินเชื่อที่ดีขึ้นในไตรมาส 4/60 จากการซื้อพอร์ต SCBT

การหดตัวของสินเชื่อ 4% YTD ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 และทรงตัวในไตรมาสที่ 3/2560 เราคาดว่าการปล่อยสินเชื่อจะฟื้นตัวในตรมาส 4/60 หนุนโดย
ธุรกิจบรรษัท, ไมโครไฟแนนซ์ (สมหวัง เงินสั่งได้) และสินเชื่อรถยนต์มือสอง โดยพอร์ตสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เติบโตจาก7.2 พันล้าน ณ สิ้นปี 2559 มาอยู่
ที่ 8.9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2560 และคาดว่าจะแตะ 10 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 นอกจากนี้ พอตสินเชื่อการซื้อจาก SCBT ซึ่งจะทำการโอนย้ายในวันที่ 1 ต.ค. ปี 2560 (4/60) จะทำให้ สินเชื่อปี 2560 โตที่ 17% เราคาดว่าฐานลูกค้าใหม่จาก SCBT ไม่เพียงเป็นโอกาสใหม่ในการปล่อยสินเชื่อใหม่หากแต่ยังเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมอีกด้วยเช่น ส่วนของธนบดีธนกิจ

การบริหารสินทรัพย์คุณภาพที่ดีหนุนแนวโน้มกำไร

TISCO คาดว่าจะตั้งสำรองฯเพียง 1% ของสินเชื่อโดยรวมในปีนี้ (และคาดว่าปีหน้าก็เช่นเดียวกัน) หลังจากตั้งสัดส่วนการตั้งสำรองเพื่หนี้สูญที่ 172%ของ
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สูงสุดในกลุ่มในไตรมาส 2/60 ) และสามารถปรับลดสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมเพียง 2.41% โดยเป้าหมายการตั้งสำรองใหม่ลดลงจากที่เราคาดการณ์เล็กน้อยที่ 1.1% จากสินเชื่อโดยรวมในปี 2560 และ1.3% ในปีหน้า ถ้าหากธนาคารประการการตั้งสำรองฯต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ จะส่งผลให้มีแนวโนมอัพไซด์ต่อประมาณการทั้งในปีนี้และปีหน้า เรามีความเชื่อเชิงบวกเนื่องจากการบริหารสินทรัพย์คุณภาพ และจะส่งผลให้ TISCO ปรับลดการตั้งสำรองต่ำกว่าที่เราคาดการณ์