Daily Market Outlook (25 ก.ย.60)

Daily Market Outlook (25 ก.ย.60)

จับตาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และเกาหลีเหนือ

คาด SET Index จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways ในวันนี้เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตามนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะรอดูมากกว่าจะปรับกลยุทธ์การลงทุนสังเกตได้จากราคาพันธบัตรสหรัฐฯ และราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ผลการเลือกตั้งเยอรมันสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด แต่คะแนนเสียงของแต่ละพรรคที่แตกเป็นส่วนย่อยๆ อาจทำให้นาง Angela Merkel จัดตั้งรัฐบาลผสมได้ยากขึ้น ข่าวในประเทศส่วนใหญ่ออกมาเป็นกลาง ตลาดหุ้นไทยอยู่ระหว่างรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันพุธนี้

 

หุ้นเด่นวันนี้:TIPCO (ราคาปิด 17.80 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS24.00 บาท)   

เราเลือก TIPCO  เป็น Pick of the day จากปัจจัยบวก 4 ประการคือ (1)อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจสับปะรดกระป๋องและน้ำสับปะรดดีขึ้นในปีนี้ จากราคาสับปะรดสดซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวลดลงจากปีก่อนราว 44% (2)น้ำแร่ "ออร่า" กลับขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง 50% เทียบกับปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 30% เป็นที่สอง นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมแผนการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มจาก 120 ล้านขวด เป็น 300 ล้านขวด ในไตรมาส 3/61 (3) การซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีก 50% ในบริษัทลูกคือ บจก. TIPCO F&B (TFB) มาจาก Suntory ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้น 100%  ใน TFB คาดว่า TIPCO จะพลิกฟื้นธุรกิจนี้ให้กลับมาขาดทุนน้อยลง หรือพลิกเป็นกำไรได้ โดยนำกำลังการผลิตส่วนนี้มาผลิตผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า  (4) TIPCO ถือหุ้น 23.7% ใน TASCO ผลดีทางตรงคือรับปันผลเงินสดจาก TASCO ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ส่วนทางอ้อมคือรับรู้กำไรปันส่วนของ TASCO เราประเมินมูลค่าเหมาะสม TIPCO เท่ากับ 24 บาทต่อหุ้น จากวิธี Sum-of-the-parts  ตีมูลค่า TIPCO ที่ไม่รวมปันผลรับจาก TASCO ปีนี้ ได้เท่ากับ 11 บาท และปีหน้าเท่ากับ 15 บาท ต่อหุ้น และมูลค่าของ TASCO คิดเป็น 13 บาท ต่อหุ้น TIPCO แนะนำซื้อPrice Pattern ของ TIPCO มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, Monthly Buy Signal โดนมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 19.20 บาท ทั้งนี้มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 17.60 บาท (Resistance: 17.90, 18.10, 18.40; Support: 17.60, 17.40, 17.10)      

 

ปัจจัยสำคัญ                                                                                                       

ประเด็นในประเทศ:

·         สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง FPO เรียกร้องให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 50bps เพื่อลดการไหลเข้าของเงินเก็งกำไรและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ (บางกอกโพสต์)

·         กระทรวงการคลังมองแง่ดีเกี่ยวกับการส่งออก นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังคาดว่าการส่งออกของไทยจะยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีพ. ศ. 2560 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เขายังเสริมอีกว่าการเติบโตของการส่งออกยังถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการตัดสินใจว่าจะเพิ่มการคาดการณ์ในการเติบโตของ GDP หรือไม่ (ไทยโพสต์)

·         สำนักงานนโยบายการขนส่งและจราจร (สนพ.) เปิดเผยแผนการลงทุน 20 ปีในโครงข่ายรถไฟฟ้ามูลค่า 2.7 พันล้านบาทเพื่อรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) โลจิสติกส์ไทยและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว(ไทยโพสต์)

·         SPALI (23.10 บาท; ถือ;23.50 บาท) รายงานว่าหลังจากการเปิดขายโครงการศุภาลัยพรีเมียร์เจริญนครอย่างเป็นทางการโดยขายทั้งหมดภายในวันแรกในช่วงวันที่22ก.ย. 2560 ที่ผ่านมานอกจากนี้ยังมีการปรับราคาด้วยมูลค่าโครงการรวมเพิ่มขึ้นจาก 2.4 พันล้านบาทเป็น 2.9 พันล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ของ SPALI) ความเห็น: ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับหุ้น SPALI ในวันนี้

 

ต่างประเทศ:

  • ราคาพันธบัตรสหรัฐและราคาทองปรับตัวขึ้น ในขณะที่เงินเยนแข็งค่าเมื่อวันศุกร์เนื่องจากการตอบโต้ทางวาจาอย่างรุนแรงระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน (รอยเตอร์)
  • ทรัมป์ขู่เกาหลีเหนือเนื่องจากมีการชุมนุมต่อต้านสหรัฐในกรุงเปียงยาง ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าววาจาตอบโต้เกาหลีเหนืออีกครั้งเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โดยเตือนรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือว่าทรัมป์และนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ “จะไม่อยู่ในสถานการณ์นี้อีกนานนัก” เนื่องจากมีการชุมนุมต่อต้านสหรัฐครั้งใหญ่ในกรุงเปียงยาง (รอยเตอร์)
  • สหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดบินผ่านชายฝั่งเกาหลีเหนือเพื่อแสดงแสนยานุภาพขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐเผยว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กองทัพอากาศสหรัฐได้ส่งเครื่องบินขับไล่บินเหนือน่านน้ำทางตะวันออกของเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์  รัฐบาลสหรัฐเผยว่าเป็นการแสดงแสนยานุภาพที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงวิธีทางการทหารหลายแบบที่มีอยู่ต่อประธานาธิบดีทรัมป์ (CNBC)

สหรัฐ

  • ดัชนี S&P500 ปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์แม้ว่าหุ้นแอปเปิลจะกดดันตลาดก็ตามเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข้อเสนอในการออกพรบ.ประกันสุขภาพครั้งล่าสุดได้คลายลงและนักลงทุนเมินต่อเหตุการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐ (รอยเตอร์)

ยุโรป:

  • อังเกลา แมร์เคิลชนะการเลือกตั้งเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้คว้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปเป็นสมัยที่ 4 แต่ยังมีเรื่องที่น่าจับตามองก็คือการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลผสม (รอยเตอร์)
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมเมื่อวันศุกร์ ขณะที่เงินปอนด์สเตอร์ลิงร่วงหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์เรื่อง Brexitของนายกฯ อังกฤษ โดยที่ pan-European Stoxx 600 ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มขึ้นเพียง 0.05% และในแต่ละอุตสาหกรรมเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต่างกัน สำหรับรายสัปดาห์ ดัชนีเพิ่มขึ้น 0.64% (CNBC)
  • เงินปอนด์ร่วงหลังจาก Moody’s ดาวน์เกรดเรตติ้งสหราชอาณาจักร จาก AA2 เป็น AA1 และเปลี่ยนมุมมองจากคงที่ (stable) เป็นลบ (negative) (CNBC)

เอเชีย:

  • กิจกรรมการผลิตของญี่ปุ่นขยายตัวในเดือนกันยายนซึ่งมากที่สุดในรอบ 4 เดือน จากการที่ยอดสั่งซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น การสำรวจเบื้องต้นในภาคเอกชนที่มีการเปิดเผยในวันจันทน์นี้ แสดงให้เห็นถึง demand ที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งจากทาง MarkitและNikkei(The Markit/Nikkei Japan Manufacturing Purchasing Managers' Index (PMI)) ปรับเพิ่มโดยหลังจากปรับผลทางฤดูกาลออกไปแล้วมาอยู่ที่ 52.6 ในเดือนกันยายน จากในเดือนสิงหาคมที่ 52.2 (รอยเตอร์)
  • ดัชนีนิเคอิของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดกว่า 2 ปีในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ขู่ว่าจะทดลองระเบิดไฮโดรเจนในทะเลแปซิฟิค ส่งผลให้กลับมาสู่ภาวะตรึงเครียดกับสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ (รอยเตอร์)
  • หุ้นจีนฟื้นกลับมาจากการปรับลดลงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยนักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการที่ S&P ปรับลดเครดิตเรทติ้งของประเทศจีน รวมถึงความกังวลในเรื่องของการทดลองของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้นักลงทุนยังคงมองว่ารัฐบาลจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางตลาดการเงิน ก่อนการประชุมรัฐสภาครั้งสำคัญที่จะถึงนี้ในวันที่ 18 ตุลาคม (รอยเตอร์)

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 11 เซนต์ ปิดที่ 66 ต่อดอลลาร์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในวันศุกร์ซึ่งอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนเนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่อาจรอจนถึงเดือนมกราคมก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเพิ่มการระดับผลิตออกไปให้เกินกว่าไตรมาสแรกหรือไม่ (CNBC)
  • ราคาทองพุ่งรับแรงกดดันจากความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างในสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ราคาทองคำฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ในวันศุกร์เนื่องจากนักลงทุนต้องการมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐอเมริกา (CNBC)