ล้างไตทางช่องท้อง ช่วยผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาว-คุณภาพชีวิตที

ล้างไตทางช่องท้อง ช่วยผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาว-คุณภาพชีวิตที

แพทย์โรคไตเผยการล้างไตทางช่องท้องไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับการฟอกเลือด และช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ

 แพทย์โรคไตเผยผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ยังมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับการล้างไตทางช่องท้อง เตือนให้ระวังอย่ากังวลมากจนสูญเสียโอกาสในการรักษา ชี้การล้างไตทางช่องท้องไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับการฟอกเลือด และช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ สามารถทำงานและประกอบอาชีพได้อย่างอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปรับการรักษาที่สถานพยาบาล อีกทั้งหมดห่วงเรื่องค่ารักษา เพราะสามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคม หรือบัตรทอง ภายใต้นโยบาย PD First ได้ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย

ผศ.นพ.โอภาส ไตรตานนท์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไต โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่า การล้างไตทางช่องท้องด้วยตนเอง (CAPD) เป็น 1 ใน 3 วิธี ในการรักษาบำบัดทดแทนไต สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย นอกเหนือจากการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการผ่าตัดปลูกถ่ายไต โดยหลักการของการล้างไตทางช่องท้อง ผู้ป่วยจะได้รับการวางสายเพื่อใส่น้ำยาฟอกเลือดที่ผนังหน้าท้อง วิธีการคือผู้ป่วยจะใส่น้ำยาฟอกเลือดเข้าไปในช่องท้องและเปลี่ยนถ่ายน้ำยาเข้าออกวันละ 3-4 ครั้ง ซึ่งผู้ป่วยสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า ผู้ป่วยบางรายยังมีความเข้าใจหรือความเชื่อผิดๆว่ามีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย หรือมีโอกาสเสียชีวิตได้ง่ายจากการล้างไตทางช่องท้อง เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จนปฏิเสธการรักษาหรือเข้ารับการรักษาล่าช้า จนทำให้เกิดผลแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายตามมา ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

 “หมออยากแนะนำว่า อย่ากังวลและไม่ต้องกลัวในการเข้ารับการรักษา เพราะผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสามารถมีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ หากได้รับการบำบัดทดแทนไตอย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งการล้างไตทางช่องท้อง เป็นวิธีการบำบัดทดแทนไตที่ดีวิธีหนึ่งที่ให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เป็นการรักษามาตรฐานที่มีมานานแล้ว และในบางประเทศก็ใช้เป็นวิธีการรักษาหลักของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้รักษาด้วยวิธีนี้แล้วกว่า 20,000 ราย และมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี จนในปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยใหม่ที่เข้ารับล้างไตทางช่องท้องในปริมาณใกล้เคียงกับผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องด้วยตัวเองที่บ้านหลายคนที่หมอดูแลรักษาอยู่ก็พบว่าเขามีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลบ่อยๆ และที่สำคัญคือไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรือเคยได้ยินมา" 

ส่วนเรื่องการติดเชื้อขึ้นกับเทคนิคการทำและวิธีการปฏิบัติตัว ซึ่งโดยปกติแล้วทางโรงพยาบาลจะมีแพทย์และพยาบาลที่เชี่ยวชาญทำการสอนผู้ป่วยอย่างละเอียดถึงขั้นตอนต่างๆ รวมทั้งให้ทำให้ดูว่าทำได้ถูกต้องและสะอาดจริง มีการกำชับและติดตามขั้นตอนวิธีการทำสม่ำเสมอ  ถ้าผู้ป่วยใส่ใจและตั้งใจทำตามที่หมอและพยาบาลบอกอย่างเคร่งครัดโอกาสติดเชื้อหมอว่ามีน้อยมาก ส่วนที่บางคนกังวลว่า การล้างไตทางช่องท้องด้วยตัวเองที่บ้านจะทำให้ห่างหมอ และจะไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดนั้น ก็ไม่ต้องกังวล เพราะแพทย์และพยาบาลผู้ทำการรักษาจะนัดผู้ป่วยมาตรวจติดตามอาการเป็นระยะและเป็นประจำอยู่แล้ว หากมีปัญหาผู้ป่วยก็สามารถโทรมาปรึกษาพยาบาลที่ดูแลได้และสามารถเข้ามาพบพยาบาลหรือแพทย์ได้ทันที นอกจากนั้นการล้างไตไม่ใช่เป็นคำตอบสุดท้ายของป่วยโรคไตเรื้อรัง เพราะผู้ป่วยล้างไตทุกรายที่หมอดูแลจะได้รับคำแนะนำเรื่องการปลูกถ่ายไตทั้งจากผู้บริจาคที่เป็นญาติพี่น้องหรือผู้บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิต ซึ่งเมื่อผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายไตก็จะหยุดล้างไตได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

คุณกาญจนา เมืองแสน ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง วัย  42 ปี เล่าว่า ตนรักษาด้วยวิธีการล้างไตทางช่องท้องด้วยตนเองที่บ้านมาแล้วกว่า 10 ปี ยังไม่เคยเจอปัญหาการติดเชื้อ สิ่งสำคัญคือต้องทำตามที่หมอสั่งอย่างตั้งใจไม่ให้ขาด โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความสะอาด จึงอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ป่วยแล้วก็ต้องรักษา แต่เราต้องไม่ท้อแท้ ตนทราบว่าเป็นโรคไตตอนอายุ 29 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ตั้งท้องลูกคนที่สอง ปัจจุบันอายุ 42 ปี รักษามาสิบกว่าปีชีวิตก็ยังอยู่ดี และจะอยู่ต่อไปอีกนานๆดูลูกของเราเติบโตซึ่งตนก็ได้ไปลงคิวรอรับการบริจาคไตกับสภากาชาดไทยไว้ด้วย

“ตอนแรกที่ทราบว่าเป็นโรคไต ก็ยอมรับว่ากลัวมาก ตอนนั้นอายุ 29 ปี เป็นช่วงที่ตั้งท้องลูกคนที่สองไปตรวจร่างกายตามปกติ พอเอาปัสสาวะไปตรวจก็พบว่ามีไข่ขาวออกมามากผิดปกติ หมอก็บอกว่าเป็นกรวยไตอักเสบ ก็รักษามาเรื่อยๆ แต่อาการกลับแย่ลง จนค่าไตเสื่อม ตอนนั้นหมอบอกว่าเราจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน ก็กลัวมาก ไม่ยอมมาหาหมออีกเลย จนกระทั่งครบเดือนตัวเราก็บวมมาก ก็กลับมาหาหมอ ต้องเจาะคอเพื่อฟอกเลือดแบบฉุกเฉิน ความรู้สึกในตอนนั้นแย่มากๆ กำลังใจหดหายไปหมด แต่พอคุณหมอถามว่า อยากเห็นลูกชายบวชไหม อยากอยู่ในวันที่ลูกสาวได้แต่งงานหรือเปล่า ใจเราก็ฮึดสู้ขึ้นมาทันที หลังจากที่ฟอกเลือดฉุกเฉินไป ก็ตัดสินใจเลือกการรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้อง เพราะว่าเราก็ต้องทำงาน ต้องเลี้ยงลูก ไม่อยากมาเสียเวลาฟอกเลือดที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละ 3 วัน ต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีก เราก็ไม่ไหว ด้วยสิทธิการรักษา 30 บาทก็ช่วยเราให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้มาก เราเลือกการล้างไตทางช่องท้อง ไม่ต้องมาหาหมอบ่อยด้วย 2-3 เดือนครั้ง แล้วแต่คุณหมอจะนัด ดูแลรักษาตามอาการ เราก็มีหน้าที่บันทึกการรักษาต่างๆ ที่ได้ทำเองมาให้คุณหมอดู กินยาอย่างไร ล้างแผลอย่างไร โชคดีที่สามีช่วยทำแผลให้เราทุกวัน ดูแลกันก็ให้กำลังใจกันทุกวัน ความรู้สึกว่าเป็นคนป่วยมันก็หายไป ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวให้ลูก ทำกับข้าว ส่งลูกไปโรงเรียน ล้างไตตอนเช้าแล้วก็ออกไปขายของ นั่งรถกระบะไปขายหอมกระเทียมทั้งวัน ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ถึงเวลาต้องล้างไต ก็ไปจอดรถในที่เงียบๆ แล้วก็ล้างไตด้วยตัวเองตามปกติ เสร็จแล้วก็ไปขายของต่อ กลับบ้านไป ก็เตรียมอาหารให้ลูกๆ ล้างไตก่อนนอนอีกที ชีวิตก็มีความสุขดี ช่วงวันหยุดก็ไปเที่ยวได้ สนุกสนานกับลูกๆ ในทุกช่วงเวลาของชีวิตได้” 

ด้าน พว.ธนารักษ์ บุญเกิด  พยาบาลวิชาชีพ งานการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตและไตเทียม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ผู้ดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องมากว่า 8 ปี  กล่าวให้ความเห็นว่า ผู้ป่วยที่เข้ามาทำล้างไตทางช่องท้องในตอนแรก มักจะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งทาง งานการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตและไตเทียม รพ.ธรรมศาสตร์ ได้จัดกลุ่มให้ผู้ป่วยโรคไตและญาติได้แชร์ประสบการณ์รับรู้เรื่องราวของเพื่อนผู้ร่วมโรคเดียวกัน ทำให้ผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นและตั้งใจที่จะ  เรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองและการล้างไตทางช่องท้องอย่างถูกต้อง จนเขาสามารถทำได้ ดูแลตัวเองได้ เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของพวกเขา สามารถออกไปข้างนอก และใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ ทัศนคติที่กังวลกับการรักษาก็จะเริ่มเปลี่ยนไป และผู้ป่วยเหล่านี้ได้กลายมาเป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจคนไข้รายใหม่ที่เข้ามารักษาด้วย

โรคไตเรื้อรังสามารถรักษาได้ อย่าท้อแท้หมดกำลังใจ ผู้สนใจใช้บริการทางการแพทย์ศูนย์ไต  เทียม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โทร.02-926 9049 ศูนย์ไตเทียมเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี