ธุรกิจอีเวนท์ปรับตัวปั้นแบรนด์-มุ่งรายได้ประจำ
ตลาดอีเวนท์ เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติระดับโลกและที่เกิดขึ้นในประเทศต่อเนื่องช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ ปี 2551, ชุมนุมทางการเมืองปี 2553, ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ปี 2554, สถานการณ์การเมืองปี 2556-2557 ดังนั้นภาพรวมการเติบโตของธุรกิจจึงเชื่อมโยงกับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้
ศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทิศทางการเติบโตของธุรกิจอีเวนท์ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งพบว่าเผชิญกับเหตุการณ์วิกฤติมาอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ไทยมีวิกฤติในประเทศ เช่น น้ำท่วมใหญ่ หรือเหตุการณ์ทางการเมือง ตลาดอีเวนท์จะอยู่ในภาวะถดถอย เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอีเวนท์
การเผชิญกับภาวะวิกฤติมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการอีเวนท์“ปรับตัว”มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือสถานการณ์และสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์วิกฤติ
ในยุคที่เทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ แนวทางการปรับตัวของบริษัทได้วางกลยุทธ์เป็น“โซลูชั่น”ให้กับลูกค้าในการทำงานด้านอีเวนท์และการสื่อสารครบวงจร เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทางไม่เฉพาะการทำงานด้านกิจกรรมเท่านั้น
"กลยุทธ์การทำงานอีเวนท์ ต้องมุ่งบริหารความคาดหวังของลูกค้า เพื่อเป้าหมายธุรกิจอยู่รอด พร้อมวางแผนการทางานให้สอดคล้องกับอารมณ์ของคนหมู่มาก และไม่สามารถใช้สูตรเดิมๆ ทำงานในยุคนี้ได้อีกต่อไป เพราะความอยู่รอดของลูกค้าคือความอยู่รอดของเราเช่นกัน"
ศีลชัย กล่าวว่าแนวทางการทำงานของปิโก ได้มุ่งกระจายเสี่ยงทางธุรกิจโดยให้บริการครบวงจร ทั้งอีเวนท์ มาร์เก็ตติ้ง, ไมซ์ เซอร์วิส ครอบคลุมทุกกลุ่มในตลาดไมซ์, โนวเลจ คอมมูนิเคชั่น ,งานพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งการผลิต“ดิจิทัล คอนเทนท์” ที่เป็นจุดแข็งของบริษัท คือ กลุ่มเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ให้กับ "มหิดล แชนเนล“ ทั้งทางทีวีและช่องทางออนไลน์ รวมทั้ง "โทรทัศน์ครู" ของกระทรวงศึกษาธิการ
“ปิโก มีความโดดเด่นด้านอีเวนท์และคอนเทนท์ด้านเทคโนโลยี การศึกษาและองค์ความรู้ต่างๆ โดยทำหน้าที่คาดการณ์เทรนด์ที่ตอบโจทย์การทำงานให้ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
บริษัทได้รับเลือกเป็นผู้จัดอีเวนท์ "มหกรรมวิทยาศาสตร์" มาต่อเนื่อง ปัจจุบันถือเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาคที่มีนักเรียนเข้าร่วมงานกว่า 1.2 ล้านคนทุกปี
ปัจจุบันปิโก มีลูกค้าภาครัฐ สัดส่วน 50% และลูกค้าเอกชน 50% ในกลุ่มรถยนต์,อาหารและเครื่องดื่ม กิจการโทรคมนาคม โดยลูกค้าทุกกลุ่มจะใช้เซอร์วิสทั้งอีเวนท์และดิจิทัล คอนเทนท์ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามเพื่อให้ธุรกิจอีเวนท์เติบโตอย่างยั่งยืน ปิโก ได้มุ่งพัฒนา “แบรนด์อีเวนท์” ของตัวเองเป็นอีกแหล่งรายได้หลัก เช่น งาน Educa งานมหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 ภายใต้แบรนด์ดังกล่าวมีการต่อยอดพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีกหลายกิจกรรม ที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท และอยู่ระหว่างการพัฒนาเซอร์วิสด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติม ทั้ง Education Technology และ Marketing Technology คาดให้บริการได้ในปีหน้า
“การสร้างแบรนด์อีเวนท์ของตัวเอง ถือเป็นทรัพย์สินที่สามารถต่อยอดสร้างรายได้ที่มีเสถียรภาพและไม่ได้รับผลกระทบจากการรับจ้างทำงานอีเวนท์ ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา”
บริษัทวางเป้าหมายพัฒนาแบรนด์อีเวนท์และเซอร์วิสใหม่ เพื่อสร้างรายได้ประจำในช่วง 2-3 ปีนี้ วางสัดส่วนรายได้จากกลุ่มดังกล่าว 20-30% หากสามารถทำได้ จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในปีที่ผ่านมาปิโก มีรายได้ 1,404 ล้านบาท ปีนี้คาดรายได้ทรงตัว จากสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว เชื่อว่าปีหน้าจะกลับมาเติบโตได้ที่ระดับ 10% ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอีเวนท์ทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ปีนี้คาดมูลค่าอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท อยู่ในภาวะ“ทรงตัว”เทียบปีก่อน