สุวรรณภูมิแจงเหตุระทึกเที่ยวบินเจ็ทแอร์เวย์ส!!

สุวรรณภูมิแจงเหตุระทึกเที่ยวบินเจ็ทแอร์เวย์ส!!

สุวรรณภูมิ แจงเหตุระทึกกรณีต้องสงสัยมีระเบิดบนเครื่องบินเจ็ทแอร์เวย์ส ชี้แค่ผู้โดยสารลืมมือถือ กำชับเจ้าหน้าที่เข้มงวดมากขึ้น

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริง หลังศูนย์ควบควบคุมจราจรจรทางอากาศ ทสภ. ได้รับแจ้งกรณีต้องสงสัยมีระเบิดบนเครื่องบินของสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส เที่ยวบิน 9W066 ที่เดินทางจากท่าอากาศยานเดลลี ประเทศอินเดีย และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 20.37 น. ของวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบว่า วัตถุต้องสงสัยที่ได้รับแจ้งเป็นโทรศัพท์มือถือ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่สองสามีภรรยาชาวอินเดีย พบโทรศัพท์มือถือหน้าเบาะที่นั่ง ซึ่งเปิดเครื่องอยู่ และมีข้อความแปลเป็นภาษาไทยประมาณว่า กำลังดาวน์โหลดอยู่ ห้ามปิดเครื่อง จึงรีบแจ้งลูกเรือ และแจ้งกัปตันต่อไป ซึ่งกัปตันเห็นว่าอาจเป็นสิ่งของต้องสงสัย และเกิดอันตรายกับผู้โดยสาร รวมทั้งเครื่องบินได้ จึงแจ้งมายังศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศ เพื่อขอให้ ทสภ.ประกาศใช้แผนแผนฉุกเฉิน บทที่ 9 เรื่องการขู่วางระเบิดอากาศยาน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาที่เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิตามกำหนดเวลาประมาณ 20.37 น. อยู่แล้ว จึงลงจอดตามปกติ ไม่ได้ลงจอดก่อนเวลา ซึ่งเมื่อลงจอดแล้ว ทาง ทสภ. ได้ดำเนินการตามแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที โดยนำเครื่องบินเข้าจอดที่หลุมจอด Isolated Parking Stand ทางฝั่งตะวันตกของท่าอากาศยาน และลำเลียงผู้โดยสาร 153 คน พร้อมลูกเรือ 8 คน ออกจากอากาศยานไปพักรอที่สถานีดับเพลิง และกู้ภัยฝั่งตะวันตก ซึ่งทุกคนปลอดภัยดี โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจค้นร่างกาย และสัมภาระของผู้โดยสารทุกคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบกระเป๋าทุกชิ้นที่บรรจุอยู่ใต้ท้องเครื่อง และตรวจสอบอากาศยานอย่างละเอียด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับแจ้งจากทางสายการบินเจ็ทแอร์เวย์สเบื้องต้นว่า พบเจ้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งลืมไว้บนเครื่องบินหลังจากที่ได้โดยสารเครื่องบินลำนี้ เพื่อเดินทางมายังท่าอากาศยานเดลลี โดยเป็นเที่ยวบินก่อนหน้าที่เครื่องบินลำนี้จะบินกลับมายังสนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของลูกเรือที่ตรวจสอบไม่ละเอียดในระหว่างที่ทำความสะอาดภายในห้องโดยสารหลังจากผู้โดยสารลงเครื่องบินหมดแล้ว จึงทำให้ไม่พบเห็นโทรศัพท์เครื่องนี้ตกอยู่  

ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวกำชับในที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยความสะดวก (เอฟเอแอล) ซึ่งมีผู้แทนสายการบินต่างๆ เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อขอความร่วมมือให้ลูกเรือทุกคนช่วยกันตรวจสอบให้ดี มีความละเอียดรอบคอบ และเข้มงวดมากขึ้น เพื่อความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก