SAWAD - ซื้อ

SAWAD - ซื้อ

BFIT จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโต

ประเด็นการลงทุน

เรายังคงคำแนะนำซื้อ สำหรับ SAWAD เนื่องจาก 1)การเติบโตที่แข็งแกร่งของสินเชื่อทั้งปี 2560 และปี 2561 เนื่องจากเน้นตลาดที่ธนาคารเข้าไม่ถึง 2) การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูง 3) การบริหารสินทรัพย์ดีเยี่ยมและ การซื้อหุ้น BFIT จำนวน 35% จะสร้างความเติบโตแก่ปี 2561 จากการได้ต้นทุนการเงินที่ถูกลงและได้ค่าบริการใหม่ต่างๆจะการช่วยให้ BFIT หาสินเชื่อที่ใหม่เพิ่มขึ้นเรายังคงราคาเป้ามหายปี 2560 ที่ 60.00 บาท อ้างอิงจากการเป้า PBV ณ สิ้นปี 2560 ของเราที่ 6.9 เท่า ( ROE ที่ 33.3% Ke ที่ 9.1% และการเติบโตของอุตสาหกรรม 5%) เรามองว่ายังมีแนวโน้มอัพไซด์ต่อประมาณการของเราจาก 1) การเติบโตของสินเชื่อที่มากกว่าเราคาดการณ์ (เติบโตจากปัจจัยภายใน) และ 2) การเติบโตของค่าธรรมเนียมจากธุรกิจใหม่เช่นการบริการทวงหนี้และค่าธรรมเนียมการลูกค้าสินเชื่อให้ BFIT

การซื้อ BFIT เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตปี 2561 เป็นต้นไป

ปัจจุบัน SAWAD ถือ BFIT 35% หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาติให้บริษัทถือครอง BFIT ได้ 100% การเข้าซื้อ BFIT ไม่เพียงแต่หนุนให้ SAWAD มีแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ (เทียบกับตั๋ว B/E และหุ้นกู้)แต่ยังหนุนให้มีแหล่งเงินทุนที่มั่นคง ล่าสุดวานนี้ BFIT ประกาศเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 (SAWAD ถือหุ้น 100%) เพื่อรับบริการงานจัดหาสินเชื่อ(SME และรายย่อย), งานบริการรับชำระหนี้, และงานรับบริการติดตามหนี้ โดยสัญญาจะครอบคลุมระยะเวลาระหว่างวันที่ 1 ก.ค.60 – 30 มิ.ย. 62 คิดเป็นมูลค่าของสัญญา 1.9 พันล้านบาท โดย BFIT คาดจะจ่ายค่าบริการ 637 ล้านบาทให้กับ SAWAD ในปี 2561 และอีก 1.26 พันล้านบาทในปี 2562 โดยสัญญาดังกล่าวต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น BFIT ก่อน วันที่ 31 ต.ค. 2560 อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้รวมปัจจัยดังกล่าวเข้าไปในประมาณการ

คงเป้าหมายสินเชื่อปี 2560 เติบโต 30%

ผู้บริหารคงเป้าหมายสินเชื่อปี 2560 เติบโต 30% YoY (ไม่รวมสินเชื่อระหว่างธนาคาร) หลังจากที่สินเชื่อหกเดือนแรกของปี 2560 โต 37% (ซึ่งมากกว่าประมาณการปี 2560 ของเราที่ 32%) บริษัทมีแผนจะซื้อหนี้ NPA มูลค่า 3-4พันล้านบาทในปี 2560 ให้กับบริษัทลูก (SWP) เป้าหมายของบริษัทค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เราประเมิน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. บริษัทมีการซื้อ NPA จำนวน 3.5 พันล้านบาท และเรายังไม่ได้รวมกำไรที่จะได้รับจากกิจกรรมนี้เข้ามาในประมาณการปี 2560 และ 2561 ของเรา

คาดกำไรไตรมาส 3/60 เติบโตแกร่ง 29% YoY

เราคาด SAWAD จะรายงานกำไรเติบโต 29% YoY และ 11% QoQ มาอยู่ที่ 700 ล้านบาทในไตรมาส 3/60 หนุนโดยสินเชื่อเติบโตแกร่ง 33% YoY และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 15% YoY เราประเมินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น 20% YoY มาอยู่ที่ 705 ล้านบาท หลักๆมาจากค่าใช้จ่ายในการขยายสาขา บริษัทมีสาขาเพิ่มเป็น 2,383 แห่ง ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2560 จาก 1,600 แห่งปลายปีก่อน สำหรับไตรมาส 3/60 เราคาดการตั้งสำรองฯจะสูงขึ้น 21% YoY มาอยู่ที่ 46 ล้านบาท เพื่อให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงขึ้นจาก 94% ในไตรมาส 2/60 มาแตะ 100% ในไตรมาสนี้ อีกทั้งเราคาดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ไตรมาสนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 43% จาก 45% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว