วุ่น!ปมโทรขู่บึ้มเครื่องบิน ตร.แจงสื่อสารคาดเคลื่อน

จากกรณีเหตุโทรศัพท์ขู่วางระเบิดสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ 9w 0066 ที่เดินทางจากเมืองเดลี ประเทศอินเดีย มายังสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ก.ย.60 เวลา 14.40 -19.45 น. แต่ลงจอดจริง เมื่อเวลา 20.42 น. ของวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 21 กันยายน 2560 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า จากเหตุดังกล่าว ทาง สภ.ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน ในกรณีเที่ยวบิน-อากาศยานเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้ 1.ประสานการท่าอากาศยานฯ ให้นำเครื่องไปยังลานปาร์คกิ้ง 2

2.เชิญผู้โดยสารลงจากเครื่อง รอที่สถานีดับเพลิง (ใน Air Side) , 3.นำกระเป๋าสัมภาระลงจากใต้เครื่องไว้บนลาน ข้างเครื่อง ให้สุนัข K-9 ตรวจ , 4.ส่งเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบบนเครื่องบิน , 5.ให้ผู้โดยสารชี้ยืนยันกระเป๋า พาผู้โดยสารพร้อมกระเป๋าเดินทางไปที่ Bus Gate เพื่อตรวจสอบเอกสารเข้าประเทศ , 6.เชิญตัว ผู้ต้องสงสัยสัญชาติอินเดีย จำนวน 2 คน ที่พบโทรศัพท์มือถือมายัง สภ.ท่าอากาศยานฯ เพื่อสอบสวนปากคำ , 7.เชิญตัวกัปตันและสจ๊วตมาสอบสวนปากคำ

ทั้งนี้ จากการสอบปากคำทุกฝ่ายได้ความว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน และได้เดินทางมาพักผ่อนที่ประเทศไทย ช่วงวันที่ 20-28 ก.ย.2560 โดยขณะที่นั่งบนเครื่องตามปกติ พบโทรศัพท์มือถืออยู่ในถุงเสียบไว้บริเวณด้านหน้าเบาะที่นั่ง จึงได้หยิบขึ้นมาดู และส่งให้ “สจ๊วต” เพื่อจะคืนให้กับเจ้าของ แต่ทางสจ๊วตพบข้อความในเครื่องว่า “ Downloading Do not turn target!!” (กำลังดาวน์โหลด ห้ามปิดเครื่อง) จึงได้ประสานกัปตัน และมีความเห็นว่า “เป็นสิ่งของต้องสงสัยในโทรศัพท์” ประกอบกับในวันที่ 20 ก.ย.60 มีข่าวเกี่ยวกับวัตถุต้องสงสัยในสนามบินในประเทศอินเดีย จึงเกิดความกลัวว่า จะเกิดอันตรายแก่เครื่องบินได้ จึงได้แจ้งมายังหอบังคับการบิน ว่า “ เที่ยวบินดังกล่าวมีการคุกคามด้วยระเบิดบนเครื่อง” และได้รับแจ้งให้ลงจอดจุดลงพิเศษบริเวณหลุมจอด D 9 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้ดำเนินการตามแผนข้างต้นผลการปฏิบัติเป็นไปตามแผน เหตุการณ์ทั่วไปปกติ"

รอง โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า วอนขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานกงสุลอินเดีย ตำรวจท่องเที่ยว และ สตม. ให้ติดตามหาเจ้าของโทรศัพท์มือถือดังกล่าว ในส่วนของผู้โดยสารอื่น ได้จัดให้มีการอำนวยความสะดวกเข้าเมืองตามปกติ และเครื่องบินโดยสารได้ปล่อยเครื่องบินให้รับผู้โดยสารและเดินทางต่อไปแล้ว