นวัตกรรม’วาวด้า’ วิ้งๆแบบหญิงวรรณคดี

นวัตกรรม’วาวด้า’ วิ้งๆแบบหญิงวรรณคดี

มรดกท้องถิ่น รากเหง้าวัฒนธรรมรวมกับงานวิจัย’วาวด้า’ เครื่องสำอางออแกนิก แจ้งเกิดสิ่งมหัศจรรย์ภูมิปัญญาไทย กวาดรางวัลนวัตกรรมระดับโลก’วิสาสินี โฆสิตชัยวัฒน์’สวมบทเมคอัพกูรู โชว์เคสแต่งหน้าวาวๆ วิ้งๆ งามแบบไทยท้าชนแบรนด์โกลบอล

วิลาสินี โฆษิตชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทวาวด้า จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางออแกนิก “วาวด้า” (VOWDA) มาจากคำว่า “ใครเห็นเป็นต้องร้องว้าว” อดีตเธอคือวิศกรเคมีในโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่จวนเจียนจะลามือจากวงการมาทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน แต่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เสียดายวิชาความรู้และประสบการณ์จึงสนับสนุนงานวิจัยด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธัญพืชออแกนิคของเธอมาอย่างต่อเนื่อง

โดยผลงานวิจัยแรกที่เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว คือ “ลิปสติก” ที่ทำมาจากข้าวแดงผสมแครอทสีม่วง ชื่อเฉดสี “ประทุมวดี” นับจากนั้นยังมีงานวิจัยต่อยอดเครื่องสำอางออแกนิกขายดีอีกกว่า 20 ชิ้น จากการสร้างสรรค์เฉดสีมากมาย อาทิ สีน้ำตาลเขียนคิ้วแบบมัทนา, สีทาปลือกตาบุษบา, สีทาแก้ม หรือ บลัชออน ประทุมวดี  ที่คอยแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ด้วยอัตลักษณ์ความงามอย่างนางในวรรณคดี

วิลาสินี เล่าว่า เธอเป็นนักวิจัยที่ชอบคิดนอกกรอบ เริ่มต้นจากเป็นคนผิวแพ้ง่ายเพราะสิวอุดตันบ่อย จึงประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์ใช้เอง ทดแทนของในตลาดที่ไม่แน่ใจส่วนผสม โดยเฉพาะช่วงตั้งท้อง ที่มีอารมณ์อยากสวยอยากแต่งหน้าให้มีสีสันบ้าง เครื่องสำอางของตัวเองจึงช่วยแปลงร่าง“คุณแม่ท้องโตปากแดง”ได้อย่างปลอดภัย

“เป็นคนแปลกๆ ไม่เหมือนใคร คิดนอกกรอบ และผิวแพ้ง่าย เลยเริ่มต้นทำสินค้าใช้เอง เพราะเราเป็นนักวิจัยอยู่แล้ว จนลาออกจากงานเพื่อเป็นแม่บ้าน แต่ทาง NIA เสียดายความรู้จึงสนับสนุนให้อย่าหยุดวิจัยต่อ จนมาเป็นผลิตภัณฑ์วาวด้างานวิจัยที่ขายได้จริง”

ความที่เครื่องสำอางออแกนิกแตกต่างจากเครื่องสำอางทั่วไป จึงกลายเป็น“ทางเลือก”สำหรับคนผิวแพ้ง่าย ที่มองหาส่วนผสมที่ปราศจากเคมีเจอปน เธอเล่าว่าสินค้าทุกชิ้นกว่าจะได้คำว่า “ออแกนิก” มาติดป้ายต้องผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก ตั้งแต่ กระบวนการเพาะปลูก การผลิต จนกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์

ทว่า กว่าจะมาเป็นสินค้าโฉบเฉี่ยวเนรมิตความงามให้กับสาวๆได้นั้น ไม่เพียงมีงานวิจัยรองรับ แต่ยังต้องร่วมกับเครือข่ายนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ ให้คอยป้อนวัตถุดิบธรรมชาติ มาผลิตเครื่องสำอางจากธัญพืช อาทิ สารพัดข้าว เม็ดบัว ดอกไม้ ล่าสุดแป้งอัดแข็งจากกะลามะพร้าว ที่ไปคว้ารางวัล SME Thailand Inno Awards 2017 มาแล้ว

ผลงานชิ้นต่อไป กำลังจะหยิบกาแฟมาทำเป็นงานวิจัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก NIA เช่นเคย

“เราชอบหยิบของใกล้ตัวมาพัฒนาต่อยอด เพราะมีวัตถุดิบที่หาง่ายจากท้องถิ่น ยังช่วยเหลือเกษตรกรและคนไทยด้วยกันให้เพิ่มมูลค่าสินค้า”

แรงหนุนจาก NIA ทั้งทุนวิจัย และกระบวนการที่สำคัญที่สุด คือทดสอบอาการแพ้เครื่องสำอาง โดยระดมอาสาสมัครมาทดสอบครั้งละ 100 คน เป็นต้นทุนที่ใช้งบนับล้านบาท ลำพังเอสเอ็มอีไม่สามารถเดินได้คนเดียวได้หากขาดพี่เลี้ยงภาครัฐ

แรงสนับสนุนจากรัฐ ทำให้สินค้ากล้าการันตีคุณภาพ จนคลอดมาเป็นโปรดักท์ออแกนิกของคนไทย ที่ไปท้าชนบนเวทีนานาชาติและกวาดรางวัลด้านนวัตกรรมมากมาย เช่น ลิปสติก ได้รับรางวัล Silver Prize จากเกาหลี , รางวัล World Invention Innovation Contest จากโรมาเนีย ที่นำภูมิปัญญาท้องถิ่นกะลามะพร้าวมาทำเป็นแป้งทาหน้า ลดการเกิดผดผื่น

เธอยังบอกด้วยกว่า งานวิจัยที่ใช้เวลากว่าปี กว่าจะคลอดผลิตภัณฑ์สักตัว แต่สำหรับเธอกลับสนุกกับสิ่งที่ทำ จนมีแบรนด์ที่ชื่อวาวด้าในปี 2556 กลายเป็นจุดกำเนิดเส้นทางเครื่องสำอางออแกนิกให้เติบโตยั่งยืน เพราะเป็นการเดินทางเพื่อค้นบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เช่น การได้รู้สิ่งมหัศจรรย์จากธัญพืชธรรมชาติ หยิบไปต่อยอดเป็นจุดขายได้ อาทิ การค้นพบเส้นใยเซลลูโลส จากกะลามะพร้าวมีคุณสมบัติดูดซับความมัน ผดผื่นได้ดี จากคุณสมบัติรูพรุนของกะลามะพร้าว หรือแม้กระทั่ง ผงจากเม็ดบัว มีคุณสมบัติเป็นแป้งสีเหมือนรองพื้นบนใบหน้า โดยไม่ต้องผสมครีมรองพื้น

“แต่ละผลิตภัณฑ์ยอดขายไม่มากแต่ก็พอเลี้ยงตัวเองได้ แล้วขยายต่อยอดผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ไปเรื่อยๆ”

ปัจจุบันสินค้าของ “วาวด้า” ทยอยวิจัย และพัฒนาผลงานนวัตกรรม “ไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ชิ้น”

การตลาดของวาวด้าก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ใช้สื่อโซเชียลมิเดีย ได้เต็มประสิทธิภาพ มีหน้าเพจ “วาวด้า ออแกนิก คอสเมติกส์" (Vowda organic Cosmetics) เป็นช่องทางสื่อสารที่คนติดตามจำนวนมาก มียอดกดไลค์ 161,712 คน เพราะเนื้อหาบนเพจแปลกใหม่ น่าสนใจ หยิบเครื่องสำอางมาสาธิตแต่งหน้าแบบไทย หรือใช้เครื่องสำอางค์แบบไทย มาแต่งหน้าตามเทรนด์นิยม ทั้งหน้าวาวๆ วิ้งๆ แบบสาวเกาหลี หรือ แต่งหน้าแบบ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ 

พร้อมกับการแต่งองค์แบบไทยของนางแบบ และเจ้าของคนวิจัยก็เป็นคนแต่งองค์เอง บางวันห่มตะเบงมาน ผ้าทอพื้นบ้านจากเขาเต่า แต่งหน้าด้วยแป้งฝุ่นจากข้าว ยิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้เพจคนที่สนใจของไทยๆ จุดเด่นเพราะนำเสนอแบบร่วมสมัยให้คนติดตามจำนวนมาก จนแจ้งเกิดในโลกออนไลน์ก่อนแล้วค่อยขยายไปออฟไลน์

“เราเป็นคนทำเครื่องสำอางเองตั้งแต่ต้น ก็เลยต้องแต่งเองสาธิตเองในบางครั้ง หรือไม่ก็จะจับนางแบบอื่นมาเขียนคิ้วคันศร หรือแบบโขน เพราะเราไม่ได้ขายความสวยแต่เราขายความเป็นตัวจริงๆ ที่ชอบความเป็นไทยจากข้างในอยู่แล้ว”

ส่วนจุดกระจายสินค้าหน้าร้าน (ออฟไลน์) เจ้าตัวเล่าว่า เริ่มต้นแจ้งเกิดจากร้านเลมอน ฟาร์ม ก่อนจะขยายไปยังเคาท์เตอร์แบรนด์ ห้างสรรพสินค้า และร้านแบรนด์เนมที่เน้นจำหน่ายเครื่องสำอาง

ไม่เท่านั้นปัจจุบันวาวด้า ยังไปบุกขยายตลาดต่างประเทศใน รัสเซีย โปแลนด์ ไต้หวัน โรมาเนีย เกาหลี และรอบประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เมียนมา ลาว และกำลังมองหาพันธมิตรในกัมพูชาและเวียดนาม

“เป้าหมายสูงสุด วาวด้า ต้องการเป็นเคาท์เตอร์แบรนด์ที่ต่างชาติยอมรับเหมือนแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีในระดับพรีเมี่ยมแบรนด์แล้วจึงกลับมาขยายตลาดในประเทศให้คนไทยยอมรับมากขึ้น”

 นักวิจัย และเจ้าของกิจการที่รักเนื้อแท้ดีเอ็นเอหญิงไทย ยังสกัดการพัฒนานวัตกรรมกว่าจะมาเป็นสินค้าว่า นอกจากจะเกิดจากรักและหลงใหลความเป็นไทยแล้ว การคิดค้นนวัตกรรมต้องทำให้สุดๆ ด้วยการวิจัยแบบลงลึก โดยเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)

“นวัตกรรมคือสิ่งใหม่ หรือสิ่งเดิมที่ไปประยุกต์แบบไม่เหมือนใคร ก่อนทำนวัตกรรมไม่ให้แป้ก ต้องดูลูกค้าก่อนแล้วค่อยพัฒนาต่อ” เธอสรุป 

-------------------

Key to Success 

“วาวด้า”ความเป็นไทยที่โลกต้องว้าว!

-วิจัยจนค้นพบสิ่งพิเศษในธัญพืชเป็นจุดขาย

-ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ สร้างเครือข่ายต่อยอด

-คว้ารางวัลระดับโลกการันตีผลงานและแบรนด์

-เริ่มวิจัยจากวัตถุดิบท้องถิ่นใกล้ตัว

-รักรากเหง้าไทยจากภายใน

-นวัตกรรมต้องคิดจากลูกค้าเป็นศูนย์กลาง