‘BPassion’ ค้นหา& สร้างงาน พริตตี้-เอ็มซีโลคัล

เพราะพวกเขายังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยนานาชาติดิษยะศริน (มหาวิทยาลัยหาดใหญ่)

ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังหน้าตาหล่อและสวย กระทั่งคว้าตำแหน่งดาวเดือนของมหาวิทยาลัยอีกด้วย ทีมผู้ก่อตั้งบีแพชชั่นประกอบด้วย คคนานต์ เจริญมาก ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำทีมหรือซีอีโอ คอลิด โต๊เก็ง,นัสรีน่า ไชยสงคราม และสุวดี แสงนิล ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเป็นคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

เมื่อถามถึงความสนใจในการเข้ามาลุยทำสตาร์ทอัพ คคนานต์เล่าว่าในความเป็นจริงก่อนจะเป็นบีแพชชั่น แพลตฟอร์มที่ช่วยทำให้องค์กรธุรกิจต่างๆได้พบกับพริตตี้และเอ็มซีท้องถิ่นที่มีคุณภาพ ในราคาที่สมเหตุสมผล เขากับเพื่อน ๆได้เคยทดลองทำธุรกิจอื่นๆมาแล้วมากมาย และได้เปิดบริษัทชื่อว่า FindingBeauty (ฟายด์ดิ้งบิวตี้) เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับค้นหาร้านหรือโปรดักส์ที่เกี่ยวกับเสริมสวยและความงาม แต่สุดท้ายก็ไม่ทำรายได้ ไม่ประสบความสำเร็จ

“ที่ผ่านมาเมื่อไม่สำเร็จ เราก็ปรับ ถ้าไม่ได้จริงๆก็หยุดทำ และก็พยายามค้นหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสทำเงินอยู่ตลอดเวลา” คคนานต์ กล่าว

อย่างไรก็ดี เนื่องจากพวกเขาเคยทำงานเป็นพริ้ตตี้และเอ็มซีมาก่อน ทำให้มองเห็นว่า เคยประสบปัญหาอะไรขึ้นมาบ้างในงานอีเวนท์ที่จัดขึ้นแต่ละครั้ง อันดับแรกเป็นเรื่องของเงินค่าจ้าง ซึ่งมักต้องรอคอยกันนานเป็นเวลานาน มิหนำ ซ้ำยังถูกหักเปอร์เซ็นต์จากเอเยนต์ทำให้หลายต่อหลายครั้งไม่คุ้มค่าทำงาน

ทำไมไม่เป็นโลคัลเอ็มซี และโลคัลพริตตี้? ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามในใจของพวกเขา เนื่องจากปัจจุบันหาดใหญ่มักจะมีการจัดอีเวนท์ต่างๆเฉลี่ยแล้วประมาณ 100 งานต่อเดือน และในการจัดแต่ละครั้ง ผู้จัดงานมักจะไปว่าจ้างเอ็มซีและ พริตตี้จากกรุงเทพฯเป็นหลัก

ความเห็นส่วนตัวของคคนานต์ ก็คือ เอ็มซีและพริตตี้ที่หาดใหญ่ก็มีศักยภาพ แต่อาจยังขาดระบบที่เข้ามาช่วยทำให้พวกเขากับองค์กรธุรกิจที่จัดงานหรือออกบูธในงานอีเวนท์ได้มีโอกาสได้พบเจอกัน และถ้าทำได้ก็จะทำให้ต่างฝ่ายต่าง วินในราคาที่สมเหตุสมผล

กลายเป็นที่มาของ บีแพชชั่น ที่มีทั้งเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นที่อยู่บนระบบทั้งเอนดรอยและไอโอเอส เขาบอกว่า มันเปรียบเหมือน “กูเกิล” ในการค้นหาพริตตี้และเอ็มซีนั่นเอง และเพิ่งลอนซ์สู่ตลาดไปเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา

และอธิบายต่อเกี่ยวกับชื่อของแบรนด์ว่า คำว่าบีนั้นอาจหมายถึง “บิวตี้” หรือจะเป็นคำว่า “บิสิเนส” ก็ได้ ขณะที่ “แพชชั่น” นั้นเป็นที่รู้กันว่ามันจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ แม้จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคความยากนานับประการก็ตาม

ขณะที่ยังคงเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้บริษัท ฟายด์ดิ้งบิวตี้ ที่คงยังใช้ชื่อบริษัทเดิมก็เพราะมันก็มีความหมายที่ครอบคลุมสิ่งที่ทำอยู่

“เราตั้งกฏว่าพริตตี้และเอ็มซีที่จะมาอยู่ในแพลตฟอร์มของเราจะเป็นคนโลคัล มีสิทธิ์ตั้งค่าตัวของตัวเองได้และได้รับเงินเต็มจำนวนแบบวันต่อวัน พอจบงานก็รับเงินได้ทันที”

อีกเรื่องหนึ่งที่เขาพยายามจะขับเคลื่อนก็คือ การจ่ายค่าจ้างด้วยระบบพร้อมเพย์ เพราะจะช่วยทำให้เอ็มซีและพริตตี้ได้รับค่าตัวง่ายขึ้น สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น และสามารถตรวจสอบได้

อย่างไรก็ดี พริตตี้หรือเอ็มซีที่โด่งดังแล้วก็คงไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวช่วย กลุ่มเป้าหมายของบีแพชชั่นเป็นนักศึกษา ที่มองหาโอกาส ต้องการหารายได้เสริม ให้สามารถมาโพสต์โปรไฟล์ไว้ที่แพลตฟอร์ม

เมื่อถามถึงทักษะหรือคุณสมบัติที่ดีที่เอ็มซีและพริตตี้จำเป็นต้องมี พื้นฐานก็คือเรื่องของการบุคลิกภาพ คคนานต์ บอกว่าเบื้องต้นคือการยิ้ม “ถ้ายิ้มได้ยิ้มเป็น โลกก็เปลี่ยน” และยังมีเรื่องของการสื่อสาร ซึ่งทางบีแพชชั่นเองจะมีการจัดคอร์สพัฒนาทักษะด้านต่างๆเพื่อช่วยให้ผู้ที่ทำงานอยู่ในแวดวง ตลอดจนบุคคลที่สนใจเข้าสู่วงการได้พัฒนาตัวเอง

"ทุกทักษะต้องใช้เงินและใช้เวลาในการพัฒนา คงไม่มีใครเก่งตั้งแต่วันแรก แต่ต้องผ่านการเรียนรู้และมีโอกาสได้ทดลองทำงานหลายๆครั้ง ความสำเร็จจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าคนๆนั้นจะเปิดใจยอมเปลี่ยนตัวเองแค่ไหน เท่าที่ผม เห็นก็คือ เอ็มซีและพริตตี้ที่เพิ่งเข้าวงการมักจะดิ้นรนพยายามพัฒนาตัวเอง ต่างไปจากคนที่ทำงานมานานที่มักจะคิดว่าทำไมต้องเรียนอีก ซึ่งในวงการมันก็มีคลื่นลูกใหม่เข้ามาอยู่เสมอ ถ้าคลื่นลูกเก่าไม่ปรับตัวก็จะถูกกลืนหายไปในที่สุด"

บีแพชชั่นเวลานี้ยังอยู่ในขั้นโปรโตไทป์ ยังมีเรื่องละเอียดอ่อนให้พิจารณาอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของข้อกฏหมายเนื่องจากแพลตฟอร์มที่โชว์โปรไฟล์และหน้าตาของเอ็มซีและพริตตี้ก็อาจถูกมองได้ว่าอาจเป็นเรื่องของการค้า “ประเวณี” ก็เป็นไปได้

"เรามีการป้องกันและทำตามข้อกฏหมายทุกอย่าง ตั้งการบริษัทที่มีการจดอย่างถูกต้อง การสกรีนทั้งฝั่งขององค์กรผู้ว่าจ้างว่ามีตัวตนจริง ทำธุรกิจจริง ๆหรือไม่อย่างไร ส่วนคนที่เป็นเอ็มซีและพริตตี้ก็ต้องมีบัตรประชาชน มีการสืบค้นประวัติอาชญากรรม รวมถึงจะมีการเซ็นสัญญาอย่างชัดเจนถึงกรอบเวลาของการทำงาน หมายถึงช่วงเวลานั้นๆ เอ็มซีหรือพริตตี้จะทำงานในนามบริษัทของผม แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลานั้นจะถือเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนซึ่งบริษัทของเราไม่รับผิดชอบ"

ปัจจุบันเอ็มซีและพริตตี้ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของบีแพชชั่นมีทั้งชายและหญิง จำนวนกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและอาศัยอยู่ที่หาดใหญ่ ขณะที่ก็เริ่มมีลูกค้าฝั่งองค์กรธุรกิจเข้ามาใช้บริการซึ่งถือว่ามีปริมาณที่น่าพึงพอใจ ลูกค้าหลักก็คือเอสเอ็มอี ที่ทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนบริษัทจัดอีเวนท์ต่างๆ เป็นผลมาจากการที่มีสื่อต่างๆมาสัมภาษณ์บีแพชชั่น นอกจากนั้นยังมีการไปออกบูธในงานแสดงสินค้า ตลอดจนงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ครั้งล่าสุด ซึ่งได้กลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญเรียกได้ว่าทำธุรกิจโดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา

ชื่อบีแพชชั่นเวลานี้เริ่มเป็นที่รู้จักและถูกบอกต่อกันไปเป็นวงกว้าง แจ็คบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากวันที่เพิ่งเริ่มต้นยังโนเนมก็คือ การที่เอ็มซีและพริตตี้ติดต่อต้องการเข้ามาอยู่ในระบบเองโดยไม่ต้องวิ่งออกไปควานหาเหมือนเมื่อก่อน

“รายได้ของเราจะเป็นส่วนต่างของค่าจ้างที่องค์กรธุรกิจจ่ายกับเอ็มซีและพริตตี้ ที่คิดต่อครั้งโดยราคามาตรฐานของเราไม่สูงมากแค่ 200 บาท ต่อครั้งต่อคน ถือว่าเป็นราคาที่แฟร์”

เมื่อให้มองถึงสเต็ปของการเติบโต เขาบอกว่าบีแพชชั่นจะขยายตลาดด้วยกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง คือเริ่มจากหาดใหญ่ จากนั้นจะมุ่งไปหัวเมืองต่าง ๆทั่วประเทศไทย ทั้งภูเก็ต นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ขอนแก่น ฯลฯ และจะปักหมุดปิดท้ายที่กรุงเทพ

เขามองว่าเวลานี้เศรษฐกิจความเจริญกำลังขยายตัวไปในภูมิภาคต่าง ๆ อีเวนท์เองก็ได้รับอานิสงส์นี้เช่นกัน และเป็นโอกาสในการสร้างงานให้กับคนท้องถิ่น รวมถึงทำให้คนที่ต้องขนขวายไปหาเงินทำงานที่กรุงเทพได้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดอีกด้วย

"เรากำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะมาสนับสนุนให้เราสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ที่มองไว้ก็คือค่ายมือถือและธนาคารที่ธุรกิจเราเชื่อมโยงกันได้ แต่ก็ต้องคุยกันก่อนต้องหาคนที่มีจริตที่ตรงกัน ต้องช่วยพาเราโตได้จริงๆ และตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี เราต้องการจะพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ "

บีแพชชั่นเวลานี้ทำธุรกิจสามขา นอกจากเป็นตัวกลางให้ธุรกิจค้นหาพริตตี้และเอ็มซีแล้ว ก็ยังทำในเรื่องของ “การดีลกับคลีนิคธุรกิจความงาม ศัลยกรรม” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หาดใหญ่ ทำให้มีแพ็คเก็จราคาที่ย่อมเยานำเสนอให้กับพริตตี้และเอ็มซีและผู้ที่สนใจทั่วไปได้ทำสวย ทำหล่อโดยไม่ต้องเดินทางไกลเข้ามากรุงเทพ

อีกธุรกิจหนึ่งก็คือ “มาร์เก็ตติ้งออนไลน์” แน่นอนว่าเอสเอ็มอีมักมีเงินทุนน้อย ขณะที่ก็ต้องเร่งสร้างแบรนด์ ต้องแข่งขันกับธุรกิจรายใหญ่ อย่างไรก็ดีเวลานี้ทุกคนสามารถสร้างตัวตนในราคาที่ถูกและง่ายบนโลกออนไลน์

"การทำแฮซแท็กให้โดนให้ดัง ถ้าเอสเอ็มอีโพสต์เองก็จะได้ยอดไลค์แค่หลักสิบหลักร้อย แต่เราช่วยปั้นยอดไลค์ได้หลักพันหลักหมื่นภายในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง ทำให้เขาปังได้ในเวลาที่รวดเร็ว เราอยากช่วยเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพในการแข่งขัน"