ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น แต่ปิดตลาดหลุด 50 ดอลล์ต่อบาร์เรลขณะสหรัฐลดการขุดเจาะน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐ ปิดตลาดวันจันทร์ (18 ก.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้น 2 เซนต์ แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ราคาปิดยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน โดยได้แรงหนุนจากการลดลงของการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ และขณะที่โรงกลั่นน้ำมันเริ่มกลับมาทำการผลิต หลังจากที่ได้ปิดโรงกลั่นก่อนหน้านี้ขณะที่พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่ม

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวขึ้น 2  เซนต์  ปิดตลาดที่ 49.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นราคาปิดที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 7 สัปดาห์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 12 เซนต์ ปิดที่ 55.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  เป็นราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 5 เดือน

ทั้งนี้ เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 749 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ การลดลงของแท่นขุดเจาะน้ำมันจำนวน 7 แท่นในสัปดาห์ดังกล่าว นับเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) เปิดเผยในรายงานประจำเดือนก.ย.ว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นในปีนี้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ไออีเอ ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 2.4% ในไตรมาส 2 ส่งผลให้ไออีเอ ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับทั้งปีนี้ สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 1.7%

ส่วนในปีหน้า ไออีเอ คาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 1.4%

ก่อนหน้านี้ ไออีเอ คาดการณ์ในเดือนส.ค.ว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้

ไออีเอ ยังระบุว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกกำลังหดตัวลง จากการขยายตัวของอุปสงค์ในสหรัฐและยุโรปที่สูงกว่าคาด รวมทั้งการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก