โรงแรมสู้อุปทานพุ่งหันเจาะตลาดใหม่

โรงแรมสู้อุปทานพุ่งหันเจาะตลาดใหม่

งาน “พาต้า ทราเวล มาร์ท 2017” ที่มาเก๊า สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (พาต้า) สรุปยอดรวมผู้เข้าร่วมกว่า 1,131 คนจาก 66 จุดหมายทั่วโลก

ประกอบด้วยผู้ขาย 460 รายจาก 252 องค์กรใน 37 จุดหมายเอเชียแปซิฟิก พบปะกับผู้ซื้อ 293 คนจาก 51 ประเทศ เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการในตลาดเอเชียอัพเดทข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวโดยตรง

อรุณี เสวกวัง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมดีวาน่า พลาซ่า กระบี่ อ่าวนาง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดที่ต้องจับตามองเวลานี้คือ “อินเดีย” ที่มีผู้ซื้อกว่า 20 รายนัดหมายเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่รู้จักการท่องเที่ยวในภูเก็ตดี จากการที่ในเครือดีวาน่าในภูเก็ตเองก็มีฐานลูกค้าตลาดนี้แข็งแกร่ง และเริ่มสนใจขยายมายังกระบี่

“ตลาดอินเดียมีผลตอบรับดี ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เข้าไปทำตลาด 2-3 ครั้งต่อปี ทำให้ปีนี้เติบโตกว่า 20% ทั้งรูปแบบเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) และกรุ๊ปอินเซนทีฟขนาดใหญ่”

ปีนี้แม้ท่องเที่ยวฝั่งอันดามันเติบโตสูงมากในภูเก็ต แต่ “กระบี่” ซบเซาจาก 2 สาเหตุหลัก สนามบินที่กระบี่ปิดซ่อมรันเวย์ในช่วงกลางคืน ทำให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) จากจีนที่ปกติมีตารางบินช่วงกลางคืนบางรายงดการเดินทางชั่วคราว ทำให้ตลาดจีนลดลง แม้ไม่กระทบมากก็ตามแต่ปัจจัยที่ 2 อุปทานห้องพักในตลาดที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการช่วงชิงส่วนแบ่งมากขึ้นกว่าเดิมเคยประเมินการสร้างโรงแรมใหม่ปีนี้ไม่เกิน 500 ห้อง แต่ปัจจุบันเพิ่ม 1 เท่าตัวเป็น 1,000 ห้อง ส่วนใหญ่ระดับ 3-4 ดาว ขณะที่ระดับ 5 ดาวเพิ่มราว 80 ห้อง จึงเกิดการตัดราคา โดยเฉพาะการขายบนออนไลน์ ที่โรงแรม 4 ดาวลงมาเล่นราคาระดับ 3 ดาว

สถานการณ์ของกระบี่น่าจะฟื้นตัวไฮซีซันเดือน พ.ย.นี้ ถึง มี.ค.ปีหน้า เนื่องจากสนามบินเปิดให้บริการและมีสัญญาณของการจองล่วงหน้าเข้ามา โดยเฉพาะ“ตลาดสแกนดิเนเวียน”  จองเกินกว่า 60% จากการที่สายการบินฟินแอร์วางแผนนำชาร์เตอร์ไฟลท์เข้ามา ตลาดนี้มีศักยภาพ มีวันพักเฉลี่ยยาวนานขั้นต่ำ 7 วันหรือมากสุดถึง 14 วัน

นันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า การแข่งขันของห้องพักโรงแรมที่เพิ่มขึ้นในย่านดอนเมืองและแจ้งวัฒนะ ได้วางกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงให้ปริมาณทุกตลาดสำคัญมีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 20% เช่น คอร์ปอเรทหรือหน่วยงานรัฐจัดประชุม 20% กลุ่มสายการบิน ที่นำลูกเรือใช้บริการมาใช้บริการ 10% ตลาดออนไลน์ 10% กรุ๊ปทัวร์ 20% ที่เหลือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป

“ต้องปรับตัวด้วยการใช้จุดแข็งที่มีอยู่มานำเสนอ เช่น การเป็นโรงแรมที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับสนามบินดอนเมือง เหมาะกับการจับตลาดไมซ์ การขยายสู่กลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดสุขภาพ เริ่มมีกลุ่มผู้หญิงสูงวัยชาวจีนที่มีฐานะดี เข้ามาใช้บริการมากขึ้น เพราะที่ตั้งโรงแรมอยู่ใกล้ศูนย์บริการทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ที่เริ่มเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ  กลุ่มเหล่านี้ต้องการที่พักใกล้เคียงเพื่อสะดวกในการเข้ารักษาต่อเนื่อง”

ด้านการทำตลาดนักท่องเที่ยวมาเก๊าและฮ่องกงกระตุ้นให้เที่ยวไทยเพิ่มขึ้น สาริมา จินดามาตย์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานฮ่องกง กล่าวว่า เตรียมนำโครงการใหญ่ที่เปิดตัวในไทยปลายปีคือ “มิชลิน ไกด์บุ้ค” นำเสนอให้นักท่องเที่ยวซึ่งมีพฤติกรรรมชื่นชอบการตามรอยเส้นทางอาหาร รู้จักแบรนด์และชื่อเสียงมิชลินอย่างดี เพราะมีการประกาศร้านอาหารในฮ่องกงมาก่อนหน้าแล้วหลายปี อีกทั้งวัฒนธรรมการกินคล้ายคลึงไทย เสาะแสวงหาร้านอร่อยที่มีคุณภาพ  ตอบโจทย์ชาวฮ่องกงมีไทยเป็นจุดหมายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 

โดยเฉพาะการเจาะเซกเมนต์ใหม่ ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ชื่นชอบการกินดื่ม เช่น กลุ่มผู้หญิง ที่เป็นนักธุรกิจหรือระดับบริหาร มีทั้งอำนาจซื้อและสามารถตัดสินใจเดินทางได้ ยิ่งมีสายการบินโลว์คอสท์เป็นทางเลือก ในเส้นทางเชื่อมโยงถึงไทยมีสายการบินรองรับ จากฮ่องกง 236 เที่ยว/สัปดาห์  จากมาเก๊า 55 เที่ยว/สัปดาห์

ประเทศคู่แข่งที่เริ่มเห็นโอกาสและช่วงชิงตลาดเดียวกัน เช่น ญี่ปุ่น นำเสนอจุดหมายตอนใต้ เช่น โอกินาว่า เพิ่มขึ้น โดยมีสายการบินโลว์คอสท์จากญี่ปุ่นอย่าง พีช แอร์ไลนส์ ที่มีฐานปฏิบัติการทางภาคใต้มาช่วยทำตลาดเจาะกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ ทำให้ปัจจุบันเส้นทางบินระหว่างฮ่องกง-ญี่ปุ่น มี 10 จุดบินให้เลือก ไม่จำกัดเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก