จี้DSIฟันอดีตบอร์ดกรุงไทย ปปง.เลื่อนให้ปากคำฟอกเงิน'โอ๊ค'

จี้DSIฟันอดีตบอร์ดกรุงไทย ปปง.เลื่อนให้ปากคำฟอกเงิน'โอ๊ค'

ปปง.เลื่อนเข้าให้ปากคำคดีฟอกเงิน "พานทองแท้" ด้าน "วีระ" จี้ดีเอสไอดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องให้ครบทุกราย อย่าเลือกปฏิบัติ ระบุบอร์ดกรุงไทยร่วมอนุมัติปล่อยกู้ 5 คน ติดคุกแค่ 3 คน ในส่วนฟอกเงินพบมียอดบริจาคเข้ามูลนิธิ

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) - 18 ก.ย. 60 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินกับผู้กระทำความผิดทุกราย โดยไม่เลือกปฏิบัติ ในคดีความผิดฐานฟอกเงินกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการทุจริตอนุมัติสินเชื่อให้กับบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และผู้มีชื่อรับเงินจากกลุ่มกฤษดามหานครทุกราย โดยมีพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับหนังสือ

นายวีระ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ดีเอสไอยังไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรม โดยเลือกดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเพียงส่วนหนึ่ง ทั้งที่ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน มีผู้บริหารธ.กรุงไทยที่ร่วมอนุมัติเงินกู้ 5 ราย แต่กลับถูกดำเนินคดีเพียง 3 รายเท่านั้น นอกจากนี้ ลักษณะของคดียังเกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เป็นเหตุให้ธนาคารกรุงไทยและผู้ถือหุ้น รวมทั้งประชาชนได้รับความเสียหาย

นายวีระ กล่าวอีกว่า ขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย ตั้งแต่ผู้โอนเงิน และผู้รับโอนเงินจากการกระทำความผิดดังกล่าวทั้งบุคคลและนิติบุคคลประมาณ 200 ราย รวมทั้งการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับอนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวน 9,900 ล้านบาทให้กับบริษัทโกลเด้นเทคโนโลยี อินดัลเทรียล พาร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกฤษดามหานคร โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าบริษัทโกลเด้นเทคโนโลยีฯ ได้นำเงินสินเชื่อไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จำนวน 3,554,870,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการยักยอกหรือฉ้อโกงไปใช้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มกฤษดามหานครและพวกพ้อง และหากพนักงานสอบสวนดีเอสไอยังไม่เร่งดำเนินการตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ด้านพ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า หลังรับเรื่องแล้วจะส่งให้พนักงานสอบสวนสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ซึ่งปัจจุบันปรับโครงสร้างเป็นกองคดีการเงินการธนาคาร เป็นผู้รับผิดชอบคดีดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ได้ชี้แจงไปแล้วว่าพนักงานสอบสวนได้พิจารณาเสร็จสั่งฟ้องบุคคลและนิติบุคคล 13 ราย และส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว ส่วนคดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ ชินวัตรนั้น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวในเดือนธ.ค.59 และเพิ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งจะเรียกนายพานทองแท้ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการ

ขณะที่แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ส่งหนังสือถึงพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการปปง. ขอให้มอบหมายผู้แทนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยระบุว่า จากกรณีที่ปปง.มีหนังสือที่ ปง.0002.5/2254 ลงวันที่ 22 พ.ค.59 ถึงดีเอสไอ โดยเนื้อหาเป็นการกล่าวโทษบุคคลจำนวน 4 รายที่ได้รับโอน หรือเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและขอให้ดีเอสไอพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานที่บ่งชี้ถึงเจตนาที่ผู้กระทำรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับโอน หรือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และกระทำโดยเจตนาพิเศษ เพื่อซุกซ่อนปกปิด อำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น อันอาจเป็นความผิดของกฎหมายฟอกเงิน หากผลการสอบสวนของดีเอสไอพบว่ามีผู้ใดกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินก็ขอให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ บัดนี้ ดีเอสไอสอบสวนพบว่ามีบุคคลเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน จึงของให้ปปง.มอบหมายให้ผู้แทนให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในวันนี้ (18 ก.ย.) เวลา 10.00 น. แต่ปรากฏว่าผู้แทนปปง.ขอเลื่อนการให้ปากคำต่อดีเอสไอ เนื่องจากยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยฝ่ายผู้บริหารปปง.เข้าใจว่าการร้องทุกข์กล่าวโทษเสร็จสมบูรณ์แล้วตามหนังสือที่แจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่ในการดำเนินคดีอาญาต้องบันทึกคำให้การของผู้แทนปปง.ด้วย