ตลาดรับสร้างบ้านโค้งสุดท้ายแนวโน้มดี

ตลาดรับสร้างบ้านโค้งสุดท้ายแนวโน้มดี

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่งสัญญาณตลาดรับสร้างบ้านครึ่งหลังปี 2560 แนวโน้มดี แจงพฤติกรรมผู้บริโภคพร้อมนำที่ดินเปล่ามาปลูกสร้างบ้านเอง เน้นสร้างบ้านช่วง 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไปมากสุด

นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3 ปี2560 โดยรวมตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4 ปี2560 มีความคึกคักมากขึ้น 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับแรงหนุนมาจากการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017” ที่จัดขึ้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งพบข้อมูลที่ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผู้บริโภค รวมถึงผู้เข้าชมงานทั่วไป มีหลายประเด็นที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมรับสร้างบ้านรวมถึงสมาชิกของสมาคม ที่ได้นำเอาข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวมาปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด รวมถึงการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค

โดยเหตุผลที่เลือกสร้างบ้านเองแทนการซื้อบ้านในโครงการจัดสรรนั้น พบว่า อันดับหนึ่ง คือ มีที่ดินเปล่าอยู่แล้วคิดเป็นสัดส่วน 34.86% รองลงมา คือต้องการเลือกวัสดุสร้างบ้านเองคิดเป็นสัดส่วน 19.53% และอันดับสาม คือ ราคาถูกกว่าซื้อโครงการบ้านจัดสรรคิดเป็นสัดส่วน 17.45%  

หากลงลึกไปในรายละเอียดแล้วผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการพร้อมที่จะปลูกสร้างคิดเป็นสัดส่วน 10.86% ,ปลูกสร้างภายใน 3 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 9.89% ,ปลูกสร้างภายใน 6 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 12.58%,ปลูกสร้างภายใน 1 ปีคิดเป็นสัดส่วน 26.46% และปลูกสร้าง 1 ปีขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 27.07% 

ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างนั้นส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-5 ล้านบาท และส่วนใหญ่ต้องการพื้นที่ใช้สอยของบ้านที่ไม่เกิน 150-250 ตารางเมตร บนเนื้อที่ไม่เกิน 50-100 ตารางวา ในขณะเดียวกันก็พบว่ามีสัดส่วนสูงถึง 47.03% ไม่ต้องการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน และอีก 32.45% มีความต้องการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน

สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านนั้นพบว่ามีระดับรายได้เฉลี่ยมากสุดคือ 15,001-40,000 บาทต่อคนต่อเดือนคิดเป็นสัดส่วน 32.17% รองลงมามีระดับรายได้อยู่ที่ 40,001-70,000 บาทต่อคนต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วน 18.25% เป็นต้น 

โดยผู้ที่ต้องการสร้างบ้านนั้นมีทั้งทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน, เจ้าของธุรกิจและประกอบธุรกิจส่วนตัว  พบกลุ่มคนที่ปลูกสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แยกครอบครัวจากครอบครัวเก่าและเป็นกลุ่มคนที่มีเงินออมมาระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่เริ่มทำธุรกิจใหม่หรือกลุ่มสตาร์ทอัพ มีความพร้อมในการปลูกสร้างบ้านมากขึ้น

นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ปี 2560 เป็นปีแรกที่สมาคมฯ ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้นำวัสดุฯ มาโชว์นวัตกรรมซึ่งพบว่าได้รับความสนใจจากประชาชนที่มาชมงานเข้าไปชมบูธ ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของผู้บริโภคที่มาชมงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2017” ที่มีสัดส่วนสูงถึง 20.17% มาชมงานเพื่อศึกษาข้อมูลเทคโนโลยีและวัสดุก่อสร้าง ศึกษาข้อมูลแบบบ้านประมาณ 32.78% และว่าจ้างบริษัทสร้างบ้านคิดเป็นสัดส่วน 23.02% เป็นต้น 

จากกระแสการตอบรับของผู้บริโภคที่ได้จาการจัดงาน“รับสร้างบ้านและวัสดุฯ ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมายอดขายในงานตลอด 4 วันได้กว่า 2,680 ล้านบาทรวมกับยอดขายที่จะตามมานั้นเชื่อว่าจะช่วยให้มูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 10,200 ล้านบาท