รอง ผบ.ตร. เผยสอบปากคำคดีบึ้มตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 16 ปาก

รอง ผบ.ตร. เผยสอบปากคำคดีบึ้มตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 16 ปาก

รอง ผบ.ตร. เผยคดีบึ้มตู้เอทีเอ็ม เชิดเงินกว่า 3 แสนบาทคืบหน้าไปมาก ระบุสอบพยาน ไปแล้ว 16 ปาก คาดคนร้ายมาก่อเหตุเพียงคนเดียว

จากกรณีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ ก่อเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา ซอย 35 ก่อนจะลักทรัพย์เงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม ไปมากกว่า 3 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 ก.ย.2560 ที่ สน.ประเวศ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้า พร้อมเรียกประชุมทีมคลี่คลายคดีดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดเผยว่า จากการพูดคุยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ยังมีข้อสงสัยในหลายเรื่อง จึงได้สั่งการให้ไปตรวจสอบในทุกประเด็น ซึ่งวันนี้ตนจึงได้มาตรวจสอบว่า ประเด็นที่ได้สั่งการไปมีความคืบหน้าครบถ้วน หรือมีอะไรที่ยังต้องเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุอะไรให้มันชัดเจนได้ ต้องขอเวลาในการตรวจสอบ และยังต้องรอผลการตรวจของผู้ชำนาญการอีกส่วนหนึ่งมาประกอบกัน ซึ่งผลตรวจจะบ่งชี้ได้ว่ากลุ่มไหนเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ทราบ

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยอีกว่า บางเรื่องบางประเด็นตนไม่อยากพูดเพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ทราบกันอยู่ หากเปิดประเด็นหรือขยายข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนได้ ยืนยันว่าการติดตามตัวคนร้ายมีความคืบหน้ากว่าเดิมแต่ยังไม่ถึงจุดที่รู้ว่าคนร้ายมาจากไหน  การก่อเหตุมีมากกว่า 1 คนหรือไม่ ใช้วิธีการไหนในการก่อเหตุ ซึ่งหลักฐานที่มีอยู่ยังบ่งชี้อะไรได้ไม่ชัดเจน จึงต้องรอหลักฐานอื่นที่กำลังตรวจสอบอยู่ เบื้องต้นประเด็นในการก่อเหตุได้ตั้งไว้หลายประเด็น แต่ให้น้ำหนักไปในประเด็นที่มีการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นที่คุ้มครองทรัพย์เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์มากที่สุด

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยอีกด้วยว่า สำหรับภาพวงจรปิดที่เห็นคนร้ายในพื้นที่ สน.หัวหมาก เป็นจุดสุดท้ายใช่หรือไม่นั้น ในจุดที่เจ้าหน้าที่สงสัยไม่ใช่เฉพาะจุดนี้ ทุกๆ จุดจะต้องตรวจสอบหาข้อมูลเชิงลึก โดยจะนำข้อมูลจากจุดต่างๆ มารวมคู่ขนานกันไปกับข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีทิศทางในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และในส่วนการออกหมายจับตามภาพวงจรปิดจะต้องมาดูเพิ่มเติม ว่าภาพวงจรปิดหรือพยานที่เห็นเหตุการณ์มีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะพูดคุยกันในวันนี้

มีรายงานข่าวว่า จากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ พบว่าคนร้ายได้ขี่รถจยย.มาตามถนนกรุงเทพกรีฑา ก่อนจะขับเลยห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา ซึ่งคาดว่าเป็นการดูลาดเลา ว่าไม่มีคนอยู่บริเวณด้านหน้าห้างหรือไม่ จากนั้นจึงได้วกรถกลับเข้าไปบริเวณจุดเดิดเหตุ ก่อนลงมือก่อเหตุ โดยใช้เวลา 5-6 นาที จากนั้นจึงได้ขับรถหลบหนีไปตามเส้นทางเดิม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี โดยได้ระดมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ทั้งจากกองบังคับการสืบสวน  กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ประเวศ เร่งหาข้อมูลคนร้ายเพิ่มเติม ขณะเดียวกันได้ให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนในพื้นที่คาบเกี่ยวทั้ง สน.ประเวศ สน.ลาดพร้าว สน.หัวหมาก สน.บึงกุ่ม และ สน.บางชัน ลงพื้นที่ตรวจสอบในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ในการหลบหนี อีกด้วย

ต่อมาเวลา 16.45 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาร่วมประชุมโดยมีพล.ต.ท.ศานิตย์มหถาวร ผบช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ ตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมประชุมคดีคลายคดีระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ หน้าประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กรุงเทพฯ โดยใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง

ด้านพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า คดีนี้มีความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายไปมาก  โดยมีการเรียกสอบพยานไปแล้ว 16 ปาก ส่วนเป็นใครบ้างนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะหากพูดอะไรไปมากจะทำให้การติดตามคนร้ายของทางเจ้าหน้าที่ลำบากมากขึ้น ซึ่งตอนนี้พบว่าคนร้ายมาก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยพุ่งประเด็นไปที่การประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินที่เป็นเงินสดในตู้กว่า 3 แสนบาทได้หายไปด้วย ในส่วนของชนิดระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นต้องรอผลจากทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และจะเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด