หุ้นโบอิ้งหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

หุ้นโบอิ้งหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยหลังซีพีไอทะยาน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (14ก.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นบริษัทโบอิ้ง แม้นักลงทุนจะมีความกังวลว่า การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของสหรัฐที่สูงกว่าคาดในเดือนส.ค. จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ทั้งนี้ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือเฟดวอทช์ วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์สามารถดีดตัวสู่แดนบวก และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเวลาต่อมา โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าจะเพิ่มการผลิตเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์ เป็น 14 ลำต่อเดือนในปี 2562

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น  0.2% ปิดที่ 22,203.48  จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  ร่วงลง 0.11 % ปิดที่ 2,495.62 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลบ 0.48% ปิดที่ 6,429.08 จุดเพราะถูกฉุดจากราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ลที่ปรับตัวร่วงลง 0.86%

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ขณะที่ราคาน้ำมัน ดิบเวสท์เท็กซัส ดีดตัวขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 50 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.

ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การที่บริษัทแอปเปิล อิงค์กำหนดเวลาการวางจำหน่ายไอโฟนเท็น ในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งล่าช้ากว่าการวางจำหน่ายไอโฟน 8 และไอโฟน 8 พลัส จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลประกอบการในไตรมาส 4 ของแอปเปิล

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีซีพีไอ ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค.