ร้องยธ.สอบสหกรณ์ฯของรพ.ดัง สุดฉาวเบี้ยวคนไข้คืนเงินไม่ครบ

ร้องยธ.สอบสหกรณ์ฯของรพ.ดัง สุดฉาวเบี้ยวคนไข้คืนเงินไม่ครบ

ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ฯผู้เสียหาย250ราย ร้องยธ.ช่วยเหลือ ชี้เป็นคนไข้บัตรทองของรพ.ดังย่านบางนา นำเงินฝากสหกรณ์ของรพ.เพื่อรับสิทธิอัพเกรดห้องพัก ต่อมายกเลิกสิทธิ-ถอนเงินฝากคืนไม่ได้ อ้างจนท.ยักยอกเงิน ด้านรองปลัดยธ.ส่งดีเอสไอ-กองทุนยุติธรรมช่วยดำเนินคดี

ที่กระทรวงยุติธรรม - น.ส.มัลลิกา จรรยาพอจิต อายุ 51 ปี พร้อมด้วยผู้เสียหายจากการฝากเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ 7 ราย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านคดีและขอให้ช่วยจัดหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี เนื่องจากสหกรณ์ไม่จ่ายเงินเงินต้นและดอกเบี้ยคืนให้กับสมาชิก มีผู้เสียหาย 250 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 3-4 ล้านบาท

น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ตนเห็นป้ายโฆษณาสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางนา โดยระบุสิทธิ์สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกฝากเงินสามารถเข้าใช้บริการในโรงพยาบาลดังกล่าว ได้แก่ ตรวจร่างกายฟรี 1 ครั้งต่อปี, สิทธิ์ในการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลสามารถอัพเกรดจากห้องพักรวม 6 เตียง เป็นห้องพักคู่เมื่อฝากเงินขั้นต่ำ 30,000 บาท และฝากเงิน 50,00 บาท จะได้สิทธิ์นอนห้องพักเดี่ยวฟรี โดยสามารถใช้สิทธิ 7 ครั้งต่อปี หรือลดค่าห้องพัก 20-25%

นอกจากนี้ ยังได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลสูงสุด 2,000 บาท ซึ่งสมาชิกยังได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากด้วยในอัตราร้อยละ 0.50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สนใจสมัครเป็นสมาชิก เพราะมารดา ซึ่งเป็นคนไข้บัตรทองของโรงพยาบาลต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง ตนจึงต้องฝากเงินเพิ่มไปทั้งหมด 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 400,000 บาท เนื่องจากมารดาของตนได้ใช้สิทธิ์อัพเกรดห้องพักในโรงพยาบาลต่อเนื่อง ที่ผ่านมาสามารถนอนห้องพิเศษได้ตามที่โฆษณา ต่อมาเมื่อมารดาเสียชีวิต ในปี 2558 จึงได้ขอยกเลิกสิทธิ์ทั้งหมดและจะถอนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน แต่เจ้าหน้าที่แนะนำให้คงเงินฝากไว้เพื่อใช้กับตัวเองหลังเกษียณอายุ

น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า กระทั่งปี 2559 โรงพยาบาลยกเลิกสิทธิไม่ยอมให้อัพเกรดห้องพัก จึงไปติดต่อขอถอนเงินจากสหกรณ์ของโรงพยาบาล แต่สหกรณ์ไม่ยอมให้ถอนเงินคืน อ้างว่าสหกรณ์ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินยักยอกทรัพย์และหนีไป ทางสหกรณ์แนะนำให้พวกตนไปแจ้งความ เมื่อสอบถามไปที่สหกรณ์หลายครั้ง จึงยอมคืนเงินให้พวกตน 33 รายที่ทราบเรื่อง โดยจะจ่ายเงินเป็นงวดๆ แต่ก็ได้รับเงินเพียงแค่ 2 งวด งวดแรก 25 % งวดที่ 2 จ่ายเพียง 12.5 % รวม 37.5 % ของเงินต้นเท่านั้น เมื่อสอบถามถึงเงินงวดที่ 3 ได้รับแจ้งว่าผู้บริหารให้ระงับการจ่ายเงินคืน รอดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่ยักยอกเงินเสร็จสิ้นก่อน หรือให้ผู้เสียหายไปฟ้องแพ่งเรียกเงินคืนเอง จึงมาขอให้ช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ด้านนายธวัชชัย กล่าวว่า กรณีนี้จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมกองทุนยุติธรรมเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือค่าทนายความในการฟ้องแพ่งและอาญา ในส่วนที่ร้องเรียนกับดีเอสไอไว้ หากมีมูลก็จะรับเรื่องไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจจะถูกสหกรณ์ดังกล่าวฉ้อโกง ขอให้มาร้องเรียนได้ที่ยุติธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะจัดเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนและส่งมาให้ส่วนกลาง