วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (14 ก.ย.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (14 ก.ย.60)

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากคาดการณ์อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินลดลง ขณะที่สต็อกน้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐ ปรับลด

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานประจำเดือน ก.ย. 60 ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินในตลาดโลกมีแนวโน้มหดตัวลงจากการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รวมถึงอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่งโดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐ

+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบในปี 2560 ไปอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ส.ค. 60 ว่าอุปสงค์จะอยู่ที่ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ย. 60 ปรับลดลง 8.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2533 ขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลสหรัฐ ปรับลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐ ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Harvey

- อย่างไรก็ตาม รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้น 5.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.2 ล้านบาร์เรล

- ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ เริ่มทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิต หลังจากที่หยุดดำเนินการผลิตไปเนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน Harvey โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ ทยอยเพิ่มกำลังการผลิต หลังหยุดไปเนื่องจากผลกระทบของพายุ Harvey นอกจากนี้ อุปสงค์ในฟลอริดาคาดการณ์ว่าจะลดลงในช่วง 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Irma 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานปรับตัวสูงขึ้นในประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตาม อุปสงค์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการกลับมานำเข้าน้ำมันดีเซลอีกครั้ง เนื่องจากเข้าใกล้ช่วงสิ้นสุดฤดูมรสุม และเข้าใกล้ช่วงการยกเลิกการห้ามทำประมงในประเทศจีน

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • จับตาการเคลื่อนตัวของพายุลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐ โดยล่าสุดพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งได้พัฒนาความรุนแรงสู่ระดับ 5 และคาดว่าจะเป็นพายุ 1 ใน 5 ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปี ได้เคลื่อนผ่านหมู่เกาะในทะเลคาลิบเบียน และกำลังเคลื่อนตัวเข้ารัฐฟลอลิด้าในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเคลื่อนตัวของพายุ Jose และ Katia ที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐ เร็วๆนี้
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งสู่ระดับมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากลิเบียสามารถเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 280,000 บาร์เรลต่อวันได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้ทำการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันที่เชื่อมต่อระหว่างแหล่งผลิตกับท่าเรือ Zawiya เสร็จสิ้นแล้ว
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะกลับมาดำปรับลดลงในสัปดาห์นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันในพื้นที่ชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโกสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้แล้วประมาณร้อยละ 4 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หลังในสัปดาห์ก่อนหน้ามีการปิดดำเนินการไปทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 24 ของกำลังการผลิต

--------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999