วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ก.ย.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ก.ย.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่ม จากคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นและการกลับมาของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผู้ค้าน้ำมันดิบโอเปคได้รายงานตัวเลขประมาณการความต้องการใช้น้ำมันดิบในปี 2561 ราว 32.83 ล้านบาร์เรลต่อวันสำหรับน้ำมันดิบจากทางฝั่งโอเปค ซึ่งมากกว่าที่เคยประมาณการณ์ไว้ 32.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ รวมถึง โอเปคยังต้องการขยายระยะเวลาของการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไป โดยขณะนี้รัสเซียและเวเนซุเอลา ได้ตกลงที่จะทำตามข้อตกลงการลดกำลังการผลิต เพื่อทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลต่อไป

+ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากการที่โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐทยอยเพิ่มกำลังการผลิต หลังหยุดไปเนื่องจากผลกระทบของพายุ Harvey โดยโรงกลั่น Motiva ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่มีกำลังการกลั่นมากที่สุดในสหรัฐ ได้กลับมาดำเนินการผลิตแล้วตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังหยุดดำเนินการผลิตมาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 60 ที่ผ่านมา

+/- สถานการณ์พายุเฮอร์ริเคน Irma เริ่มดีขึ้น โดยจำนวนประชาชนที่ไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ลดลงอยู่ที่ราว 5.8 ล้านคน อย่างไรก็ดีการใช้น้ำมันสำเร็จรูปยังคงได้รับผลกระทบ เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบาก

- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันทื่ 8 ก.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรลมาปิดที่ 468.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลกระทบจากโรงกลั่นที่หยุดชะงักไปในช่วงที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินในจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 แตะระดับ 4.6 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม อุปทานในภูมิภาคยังคงตึงตัวจากโรงกลั่นน้ำมันเกาหลีที่หยุดดำเนินการผลิตไป

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากฤดูฝนที่กำลังจะจบลง ประกอบกับหมดฤดูการจับปลาในช่วงฤดูร้อนประจำปี

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • จับตาการเคลื่อนตัวของพายุลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐ โดยล่าสุดพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งได้พัฒนาความรุนแรงสู่ระดับ 5 และคาดว่าจะเป็นพายุ 1 ใน 5 ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปี ได้เคลื่อนผ่านหมู่เกาะในทะเลคาลิบเบียน และกำลังเคลื่อนตัวเข้ารัฐฟลอลิด้าในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเคลื่อนตัวของพายุ Jose และ Katia ที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐ เร็วๆนี้
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งสู่ระดับมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากลิเบียสามารถเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 280,000 บาร์เรลต่อวันได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้ทำการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันที่เชื่อมต่อระหว่างแหล่งผลิตกับท่าเรือ Zawiya เสร็จสิ้นแล้ว
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะกลับมาดำปรับลดลงในสัปดาห์นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันในพื้นที่ชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโกสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้แล้วประมาณร้อยละ 4 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หลังในสัปดาห์ก่อนหน้ามีการปิดดำเนินการไปทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 24 ของกำลังการผลิต

------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999