อธิบดีอัยการลั่นล่า'บอส กระทิงแดง' คนรวยต้องเข้ากระบวนการยธ.

อธิบดีอัยการลั่นล่า'บอส กระทิงแดง' คนรวยต้องเข้ากระบวนการยธ.

"อธิบดีอัยการตปท." ยันพร้อมขอผู้ร้ายแดน "บอส กระทิงแดง" ถ้ารู้ที่อยู่หลบหนี-ขอเวลา 5 วันยื่นจับกุม เผยหลังตำรวจสากลออกหมายจับทั่วโลก ลั่นลบคำครหาคนรวยไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม

ฃจากกรณีล่าสุดที่องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (Interpol) หรือที่เรียกว่าตำรวจสากล ได้เผยแพร่หมายจับ หรือหมายแดงกับประเทศสมาชิกแล้ว เพื่อติดตามจับกุมตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง "กระทิงแดง" แล้ว ผู้ต้องหาที่อัยการฯประเทศไทย มีคำสั่งให้ฟ้องคดีกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ตายจากการขับรถหรูเฟอร์รารี่ชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ สนทองหล่อเสียชีวิตปี 2555 นั้น

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.60 เวลา 11.00 น. นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยถึงขั้นตอนปฏิบัติหากพบตัวนายวรยุทธ ว่า เมื่อตำรวจสากล ได้ออกหมายจับส่งเผยแพร่ไปยังประเทศสมาชิกกว่า 100 ประเทศแล้ว หากพบเห็นผู้ต้องหาในประเทศใด ตำรวจสากลก็สามารถเข้าจับกุมตัวตามหมายจับได้แล้วควบคุมตัวไว้ชั่วคราวก่อนตามระยะเวลาที่กฎหมายของประเทศนั้นๆ ที่จับได้นั้นกำหนดไว้ เช่น อาจจะ 30 วัน

จากนั้นตำรวจสากลก็จะแจ้งข้อมูลการจับกุม พิกัดที่อยู่นั้นให้ตำรวจไทยทราบเพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน และเมื่อตำรวจของเราได้รับทราบข้อมูลกับที่อยู่แล้วก็จะแจ้งให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินตามขั้นตอนพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 โดยตนในฐานะอธิบดีอัยการสำนักต่างประเทศจะเขียนรายละเอียดที่อยู่ที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวได้ระบุในคำร้องของส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่จะมีเอกสารทางคดีและหมายจับของไทยประกอบอยู่ด้วย ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ภาษากลางราชการไว้แล้ว เพื่อให้อัยการสูงสุดลงนามในคำร้องแล้วในฐานะผู้ประสานงานตามกฎหมายขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน แล้วยื่นคำร้องพร้อมเอกสารทางคดีไปยังประเทศนั้นที่มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ จากนั้นจึงจะเริ่มกระบวนการทางกฎหมายของประเทศในการพิจารณาส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเบื้องต้นจะดูคำร้องของไทยเป็นอย่างไร เข้าเงื่อนไขหรือไม่ เช่น เป็นความผิด 2 ประเทศหรือไม่ มีสนธิสัญญาต่อกันหรือไม่ หรือเป็นกรณีหลักต่างตอบแทน โดยเมื่อกระบวนการพิจารณาเข้าสู่ระบบศาลในประเทศที่จับตัวได้แล้ว ผู้ต้องหาเองก็มีสิทธิต่อสู้โต้แย้งตามกฎหมายแต่ระหว่างคงต้องถูกคุมขังหรือบล็อคตัวไว้ก่อนเพื่อไม่ให้หนี

เมื่อถามถึงความพร้อมหากต้องดำเนินยื่นคำร้องภายในเวลาอันสั้น อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านอัยการ ทำงานประสานร่วมตำรวจ และกระทรวงต่างประเทศ และขณะนี้ก็ร่างคำร้องและจัดเตรียมที่ต้องยื่นโดยแปลภาษาอังกฤษไว้แล้ว คงรอเพียงข้อมูลที่อยู่เท่านั้นดังนั้นถ้ามีการจับกุมตัวผู้ต้องหาและทราบข้อมูลที่อยู่ อัยการสามารถจัดเตรียมเอกสารให้เสร็จเรียบร้อยทั้งหมดได้ภายใน 5 วันทำการและพร้อมยื่นต่อประเทศนั้นๆ โดยคำร้องอัยการได้จัดทำไว้ 2 แนวทาง คือ 1. แบบฟอร์มที่ประเทศนั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ซึ่งการมีสนธิสัญญาข้อยุ่งยากการพิจารณาจะมีไม่มาก และ 2. แบบฟอร์มที่ประเทศนั้นไม่มีสนธิสัญญาฯ ก็ต้องปฏิบัติผ่านวิถีทางการทูตตามขั้นตอน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 บัญญัติไว้ ซึ่งอาศัยหลักต่างตอบแทนโดยกระทรวงการต่างประเทศจะมีส่วนในการพิจารณามิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ซึ่งทั้งสองรูปแบบคำร้องอัยการสูงสุดต้องดำเนินการลงนามในฐานะผู้ประสานงานกลาง ส่วนระยะเวลาพิจารณาของประเทศนั้นจะรวดเร็วเพียงใดขึ้นกับกฎหมายเขา แต่คงไม่กระทบต่อระยะเวลาการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ก่อน

"ขณะนี้เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย และพร้อมดำเนินการโดยรวดเร็วเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหากลับมาก่อนขาดอายุความ ต้องไม่ให้เห็นว่าคนรวยทำไมไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระทบต่อภาพรวมกระบวนการยุติธรรม และมิติอื่นเช่น การค้าการลงทุนก็กระทบไปหมด ซึ่งผู้ต้องหาเป็นที่รู้จักทั้งสังคมไทยและต่างประเทศ โดยต่างประเทศก็ติดตามเรื่องนี้เช่นกัน หากไม่ดำเนินการให้เต็มที่ก็ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่น" นายอำนาจระบุ

ทั้งนี้ นายอำนาจ กล่าวด้วยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ตนในฐานะประธานคณะทำงาน จะประชุมภายในคณะทำงานอัยการเพื่อเตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้อีกทางด้วย ซึ่งหากมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาแล้วเริ่มกระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็พร้อมจัดอัยการเดินทางไปติดตามผลคดีด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อหาที่นายวิทยา ถูกสั่งฟ้องนั้นปัจจุบันคงเหลืออยู่ ข้อหาหนักข้อหาเดียว คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 นั้น ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท อายุความ 15 ปีนับจากวันเกิดเหตุ

ส่วนข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชนตามสมควรและไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานในทันทีที่ชนตามพ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.78 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 5,000-20,000 บาท อายุความ 5 ปี เพิ่งจะสิ้นสุดอายุความไปเมื่อวันที่ 3 ก.ย.60

โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 ก็มี 2 ข้อหาที่ขาดอายุความแล้วเช่นกัน คือขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ อัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท อายุความ 1 ปี และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.43(4) อัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท อายุความ 1 ปี

ขณะที่การติดตามตัว "นายวรยุทธ หรือบอส" เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.60 ที่ผ่านมา ที่อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ประสานพนักงานสอบสวนทองหล่อให้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาฟ้องเมื่ออัยการ