ทหารเฝ้าระวังรับมือโรฮิงญา หวั่นทะลักเข้าไทยเหตุหนีภัยสู้รบ

ทหารเฝ้าระวังรับมือโรฮิงญา หวั่นทะลักเข้าไทยเหตุหนีภัยสู้รบ

ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี เฝ้าระวังรับมือโรฮิงญา หวั่นทะลักเหตุหนีภัยจากการสู้รบเข้าไทย

พ.อ.ศานติ สกุนตนาค ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี เปิดเผยว่า ในช่วงตั้งแต่เดือน พ.ย. ถึงเดือน ก.พ. ทุกปี จะมีชาวโรฮิงญาอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต้องการเดินทางสู่ประเทศที่สาม โดยใช้เส้นทางผ่านมายังประเทศไทย ทางหน่วยงานด้านความมั่นคงต้องวางมาตรการรับมือที่รัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้มาตรการสำคัญคือการปฏิบัติการร่วมเชิงบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งทางบกและทางทะเลในการสกัดกั้นการอพยพหลบหนีเข้าสู่ประเทศไทย รวมทั้งการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด ส่วนการทำงานให้เน้นการบูรณาการร่วมของทุกหน่วยงานทั้งในทะเลและบนบกในการร่วมกันเฝ้าระวัง สกัดกั้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้การดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน

ในทุกๆปีจะยังมีชาวโรฮิงญาจำนวนมาก ที่ยังคงพยายามหาช่องทางที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะการเข้ามาทางด้านจังหวัดระนองและใกล้เคียงในย่านชายฝั่งทะเลอันดามัน เนื่องจากไม่สามารถทนต่อความอดอยาก และทุกยากในถิ่นที่อยู่เดิมได้อันเป็นผลมาจากการไม่ยอมรับการเป็นพลเมืองของประเทศต้นทางโดยรูปแบบการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ขณะนี้แม้ยังไม่มีรายงาน แต่ทุกหน่วยงานต้องเฝ้าระวังเพราะไทยอยู่ในเส้นทางการอพยพผ่านของชาวโรฮิงญา สำหรับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล โดยเฉพาะกลุ่มโรฮิงญา จะยังคงยึดแนวทางเดิม ที่ได้กำหนดเป็น 2 ขั้นตอนคือขั้นตอนการเตรียมการประกอบด้วย จัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการและประสานแผนการปฏิบัติโดยยึดหลักปฏิบัติตามแผนพิทักษ์อันดามัน1และแนวทางปฏิบัติต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ให้มีผลในทางปฏิบัติจริง

สำหรับขั้นการปฏิบัติ เริ่มจากการสกัดกั้นและปฏิเสธการเข้าเมืองทันทีโดยได้กำหนดแนวสกัดกั้นตามเส้นทางการหลบหนีเข้าเมืองทางทะเล ตั้งแต่แนวเกาะตาครุฑ,เกาะสินไห,เกาะช้าง,เกาะพยาม,เกาะค้างคาว ซึ่งเป็นเส้นทางหลบหนีเข้าเมืองทางทะเล โดยพยายามใช้วิธีชักจูงโน้มน้าวมิให้ขึ้นฝั่ง และสนับสนุนเสบียง อาหาร น้ำดื่มยารักษาโรค น้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้เดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม,การควบคุมตรวจสอบเพื่อสืบหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อขบวนการนำพา,การปฏิเสธการเข้าเมือง ด้วยการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง จัดหาเสบียง อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคเชื้อเพลิง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ผู้หลบหนีเข้าเมืองเดินทางต่อไปได้อย่างน้อย 15-20 วัน