ลุ้นประกันตัว 'สรยุทธ' หลังผู้พิพากษาไฟเขียว

ลุ้นประกันตัว 'สรยุทธ' หลังผู้พิพากษาไฟเขียว

ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตฎีกาคดี "สรยุทธ-ไร่ส้ม" เบี้ยวค่าโฆษณาส่วนเกิน อสมท.แล้ว ขณะที่ทนายยื่นขอประกันตัว รอลุ้นผลต่อคาดสั่งประกันไม่เกิน 13 ก.ย.นี้

ภายหลังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 51 ปี อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดังและกก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม ที่สนับสนุนพนักงาน อสมท ซึ่งทำหน้าที่จัดคิวโฆษณา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบที่ไม่รายงานการโฆษณาเกินจริงกระทั่งทำให้ อสมท เสียหาย ไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค.60 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายสรยุทธและจำเลยร่วม 3 คน กับปรับบริษัทไร่ส้ม จำกัด โดยนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต พนักงานจัดทำคิวโฆษณา จำเลยที่ 1 , นายสรยุทธ จำเลยที่ 3 และน.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 45 ปี พนักงาน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 4 ไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกาคดีนั้น เนื่องจากศาลฎีกาเห็นว่าคดีต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงและคดีอัตราโทษสูง ซึ่งหากจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องมีผู้พิพากษาในสำนวน หรืออัยการสูงสุดเซ็นรับรองนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานี้ ผู้พิพากษาที่ร่วมพิจารณาคดีดังกล่าวในศาลชั้นต้นและมีชื่อในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น ได้อนุญาตฎีกาคดีให้กับ บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ , น.ส.มณฑา จำเลยที่ 2-4 แล้วว่าคดีมีปัญหาสำคัญและเหตุอันควรสู่ศาลสูงสุดที่จะวินิจฉัย ตามหลักในประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221ที่บัญญัติว่าในคดีซึ่งห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง หรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี , มาตรา 219 ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าว และมาตรา 220 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

ขณะเดียวกันวันนี้ นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของนายสรยุทธ ก็ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 3-4 ในระหว่างฎีกาด้วย

ซึ่งวันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้รับฎีกาทั้งหมดในคดีดังกล่าวไว้แล้วพร้อมกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยได้นำส่งฎีกาและสำนวนคดีทั้งหมดไปยังศาลฎีกาแล้วช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อวินิจฉัยตามขั้นตอนและมีคำพิพากษาในคดีต่อไปแล้ว

ทั้งนี้สำหรับผลการประกันตัวระหว่างฎีกาจะได้รับอนุญาตหรือไม่ก็ต้องรอฟังคำสั่งจากศาลฎีกาในเวลาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกินวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.)

ส่วนนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นขอให้ผู้พิพากษาอนุญาตฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริง หรือยื่นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย รวมทั้งยังไม่มีการยื่นคำร้องขอประกันตัวระหว่างฎีกาแต่อย่างใด ซึ่งคดีมีเวลาที่จะดำเนินการยื่นฎีกาภายใน 30 วันนับแต่ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจะครบกำหนดในวันที่ 29 ก.ย.นี้ หากยื่นฎีกาไม่ทันก็สามารถยื่นขอขยายเวลาฎีกาต่อศาลได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท , บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดย น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดังและกก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา พนักงาน บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลย 1-4 ในหมายเลขดำที่ อ.313/2558 ความผิดฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร , เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่า ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6,8,11

โดยคดีมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ 6 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 30 ปี
ปรับ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 กระทงละ 20,000 บาท รวม 6 กระทง ปรับทั้งสิ้น 120,000 บาท ส่วนนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 4 จำคุก 6 กระทงๆ ละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี

แต่ทางนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ศาลจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 20 ปี ส่วนนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน ขณะที่การกระทำของจำเลยทั้งสามนี้ ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ จึงไม่รอลงอาญา ส่วน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 ให้ปรับรวม 80,000 บาท