"อภิสิทธิ์" หวิดวุ่น! เจอนศ. ปี1 ชูป้ายประท้วง กลางวงปาฐกถา
ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ รังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จากนักวิชาการสู่นายกรัฐมนตรี ภาพการเมืองที่เปลี่ยนไปของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ถ้ามองเบื้องต้นการเมือง ก็เหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในแง่ความกังวลที่ว่าไม่สามารถวิจารณ์รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารได้อย่างเต็มที่ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีการเมืองมีความเปลี่ยนแปลงมาก นับตั้งแต่การยึดอำนาจของคณะคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) มาจนถึงสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเหตุการณ์เหล่านี้ก็นำไปสู่ความคิดว่าจะต้องมีการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสื่อสารมวลชน และปฏิรูปด้านต่างๆขึ้น ขณะเดียวกันปัจจุบันเราก็ยังเผชิญกับปัญหาอยู่ ดังนั้นจึงอยากให้มองภาพความเป็นจริงว่าจะแก้ไขปัญหาส่วนนี้อย่างไร ซึ่งปัญหาของประเทศนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวกฎหมาย ถึงแม้ว่าร่างกฎหมายดีอย่างไร แต่ถ้าคนจะหาช่องทางทุจริตก็ย่อมทำได้ ทั้งนี้การออกมาพูดว่าสร้างความปรองดอง โดยทำให้ทุกคนคิดเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ควรทำให้เขาเข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะถ้าเราอยากเห็นประชาธิปไตยดีขึ้น ทุกคนก็ต้องเป็นคนสร้างให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์กำลังพูดอยู่นั้น ได้มีกลุ่มนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ประมาณ 4 คน นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดใกล้กับโพเดียมที่นายอภิสิทธิ์กำลังบรรยาย ชูป้ายที่เขียนข้อความว่า “unfortunately, some people died น่าเสียดายที่บางคนก็ตาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2555” แต่นายอภิสิทธิ์แสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีตอบโต้นักศึกษากลุ่มนั้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ภายหลังการบรรยาย นายพริษฐ์ ได้เข้าไปถามนายอภิสิทธิ์ว่า “ท่านคิดอย่างไรกับการที่เด็กอายุ 17 ถูกยิงตายที่รางน้ำ” นายอภิสิทธิ์ ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ผมทำทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และขอบคุณที่มาแสดงความเห็นและขอบคุณที่ไม่แสดงออกอย่างรุนแรง แต่ปัญหาในตอนนั้นก็คือว่ามีผู้ติดอาวุธแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้การแก้ไขสถานการณ์ทำได้ยาก เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีทางเลือกต้องขอติดอาวุธ เพื่อเข้าปฏิบัติการณ์ต่อไป แต่การปฏิบัติการณ์นั้นก็ต้องขั้นมีตอน มีผมขอย้ำว่าพยายามจะหลีกเลี่ยงความสูญเสีย แต่เมื่อมีการใช้อาวุธกลับมา ก็ยากที่จะเลี่ยงความสูญเสีย ซึ่งทุกวันนี้ก็มีวาทกรรมมาต่อว่าผมอยู่"