‘ทีซีซี’มุ่งปักธงโรงแรมระดับไอคอน

‘ทีซีซี’มุ่งปักธงโรงแรมระดับไอคอน

ทีซีซี กรุ๊ป ครองแชมป์ “เจ้าของกิจการโรงแรม” จำนวนมากที่สุดในประเทศไทยเมื่อขยับตัวพัฒนาแต่ละโปรเจคย่อมเรียกสนใจบรรดาผู้เล่นในวงการ

ภายใต้โมเดลธุรกิจที่มีการจับมือกับ “แบรนด์ใหญ่” และการเริ่ม “สร้างแบรนด์” เพื่อบริหารโรงแรมในเครือ โดยเฉพาะโครงการล่าสุด “แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค”  ส่องประกายความน่าสนใจในระดับภูมิภาคจากการร่วมมือเชนชั้นนำของโลก “แมริออทโฮเทลส์” รับตรา“มาร์คีส์” เป็นแห่งแรกของเอเชียแปซิฟิก และเป็นแห่งที่ 8 ของโลก ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ยกเครื่อง “อิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค” ซึ่งเปิดให้บริการในโฉมใหม่เต็มรูปแบบมาแล้ว 7 เดือน

นิชันท์ โกรเว่อร์ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ แอสเสทเวิรด์ คอร์เปอเรชั่น เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การลงทุนของบริษัทที่อยู่ภายใต้เครือทีซีซีในครั้งนี้ไม่เรียกว่ารีโนเวท แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง มีการขยายพื้นที่ใช้สอยหลังบ้าน มาปรับให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้พื้นที่จัดประชุมรวมกว่า 9,000 ตารางเมตร รองรับการจัดประชุมทุกขนาดตั้งแต่ใหญ่จนถึงเล็ก

การยกเครื่องใหม่ของแมริออทมาร์คีส์ควีนส์ปาร์ค คาดหวังให้เป็น “โรงแรมระดับไอคอน” โดยอาศัยข้อได้เปรียบการเป็นโรงแรมในย่านใจกลางเมืองสุขุมวิท ที่มีจำนวนกว่า 1,360 ห้อง ซึ่งไม่มีโรงแรมใหม่ในย่านเดียวกันที่จะพัฒนาได้เทียบเท่า รวมถึงทำเลที่ตั้งซึ่งหันหน้าเข้าสู่ “สวนเบญจสิริ” เรียกว่า หาไม่ได้ในย่านใจกลางเมืองแน่นอน

ความร่วมมือกับแมริออทในการให้ตรามาร์คีส์ ถือ เป็น Win Win Situation หรือต่างก็ได้เปรียบ”

แอสเสทเวิรด์ นำความเชี่ยวชาญของแบรนด์แมริออทที่แข็งแกร่งเรื่องตลาดการจัดประชุมมาใช้สร้างจุดขายหลัก สอดรับความต้องการของลูกค้าจัดประชุมในกรุงเทพฯ ที่มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนแมริออทที่หาโอกาสมานานในการนำ “มาร์คีส์” มาเปิดตลาดในเอเชีย ได้โรงแรมแห่งนี้เป็น “เรือธง” แห่งภูมิภาค เป็นโชว์เคสมาตรฐานของแบรนด์ จากปัจจุบันโรงแรมที่ได้รับตรานี้ยังกระจุกตัวอยู่ในสหรัฐ   6 แห่ง และมีอีก 1 แห่งในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทำให้ปัจจุบัน แอสเสทเวิรด์ มีโรงแรมใหม่ภายใต้แบรนด์แมริออท 3 แห่ง ที่เปิดให้บริการไล่เลี่ยกัน ได้แก่ แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้จะมีแบรนด์แมริออท ที่หัวหิน และภูเก็ต

ขณะเดียวกัน เดือน ธ.ค.นี้ เตรียมเปิดอีก 1 แห่ง ย่านสุรวงศ์ กรุงเทพฯ ขนาด 300 ห้อง ปีถัดเปิดอีก 3 แห่งในกรุงเทพฯ 1 แห่ง  พัทยา 2 แห่ง ซึ่งกำลังพิจารณาใช้แบรนด์อื่นๆ ในเครือแมริออทบริหาร ทำให้รวมแล้วเป็น 7 แห่ง ที่มีกำหนดเปิดภายในปี2563

ข้อได้เปรียบในการจับมือกับแมริออทที่ชัดเจนคือการที่แมริออทควบรวมกิจการกับสตาร์วู้ดแล้ว ทำให้มีเครือข่ายทางการตลาดได้เปรียบมาก"

นอกจากการทำตลาดจากต่างประเทศแล้ว บริษัทจะร่วมมือกับหน่วยงานในไทยเช่นสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ในการทำตลาดดึงงานประชุมสัมมนาเข้ามาเสริมมากขึ้น เมื่อผลักดันตลาดนี้สำเร็จเชื่อว่าสัดส่วนรายได้ของบริการอาหารและเครื่องดื่มจะแข็งแกร่งคิดเป็นสัดส่วน 40-50% เทียบกับห้องพัก

พร้อมกันนี้ ยังได้จัดทัพรับตลาดไมซ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยการเตรียมปรับแบรนด์ “โรงแรมใหญ่” สำหรับตลาดไมซ์ในเครืออีกแห่ง คือ “พลาซ่า แอทธินี รอยัลเมอริเดียน” ไปอยู่ในกลุ่มของลักชัวรีคอลเลคชั่นหลังจากทยอยปรับปรุงห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกระยะหนึ่งแล้ว จะเปิดตัวภายในปีนี้

นิชันท์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีโรงแรมในเครือรวม 46 แห่ง กว่า 10,055 ห้อง และมีความตั้งใจจะเปิดอีก 50 แห่งใหม่ ใน 5 ปีข้างหน้า ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ฯ  ซึ่งรายได้ของกลุ่มโรงแรมมีสัดส่วน 80% เทียบธุรกิจประเภทอื่นๆ ในเครือที่จะมีการขยายพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับ โรงแรมทั้งหมดที่มีอยู่ จำนวน “21แห่ง” เป็นการร่วมมือกับเชนระดับนานาชาติ กว่า 17 แบรนด์ และอีก “25 แห่ง” ที่แอสเสทเวิรด์ บริหารเอง ล่าสุด ได้จัดกลุ่มแบรนด์เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม “อิมพีเรียล” ที่จะยังคงจำนวนไว้ที่ 4 แห่ง เพื่อรักษาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์จากการเป็น “เชนโรงแรมไทย” อันดับแรกๆ  ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดของ “เรือธง”  ทั้งอิมพีเรียล แม่ปิง  รวมทั้งจะทยอยปรับปรุงอีก 3 แห่งที่ แม่ฮ่องสอน สามเหลี่ยมทองคำ และพิษณุโลก

ต่อมาคือกลุ่ม “เวลเนส คอลเลคชั่น”  ประกอบด้วยแบรนด์อิสระที่วางแผนขยาย 10 แห่ง โดยมีไฮไลท์ที่กำลังจะเปิดตัวคือ “โรงแรมบูติค” ที่หลวงพระบาง ซึ่งมีประวัติศาสตร์เป็นพระราชวังเก่าแก่  การปรับปรุงคืบหน้าไปกว่า 80% ภายใต้คอนเซปต์ใกล้เคียงกับ “โรงแรมเดอะระวีกัลยา” ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในคอลเลคชั่นนี้ที่มีจุดเด่นเชิงประวัติศาสตร์ในฐานะเรือนเก่าภายในวังรัชกาลที่ 6

สุดท้ายจะเป็นกลุ่ม “แบรนด์เดี่ยว” ที่โฟกัสเรื่อง Experience หรือ "ประสบการณ์ของนักเดินทางอย่างแท้จริง" พร้อมเปิดตัวปลายปีนี้ โดยจะมีการเปิดเผยชื่อในเวลาดังกล่าว มีโครงการเปิดตัวรวดเดียว 5 แห่งในปีหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปแผนการออกแบบ คอนเซปต์เบื้องต้น เป็นโรงแรมขนาดไม่เกิน 100 ห้อง

แม้ปัจจุบันเชนโรงแรมจะหันมาพัฒนาโรงแรมที่เน้นการตอบสนองเชิงประสบการณ์มากขึ้น แต่เชื่อว่าการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองซึ่งจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้จะสร้างความน่าสนใจในแง่การสร้างจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์หรือไอคอนของแต่ละเซ็กเมนท์ของตลาด"

ประการสำคัญ  แอสเสทเวิรด์  มุ่ง “ความเป็นเจ้าของ”  ไม่เน้นการรับบริหารให้เจ้าของกิจการอื่นๆ เพราะการเป็นเจ้าของ คือ จุดแข็งของธุรกิจ