'กรมชลฯ' สั่งเตรียมรับมือฝนตกช่วงก.ย.-ต.ค.

'กรมชลฯ' สั่งเตรียมรับมือฝนตกช่วงก.ย.-ต.ค.

"กรมชลประทาน" สั่งเตรียมรับมือฝนตกหนักช่วง ก.ย. - ต.ค. พร้อมสั่งผันน้ำเข้าทุ่งเจ้าพระยา 25 ก.ย. หวังลดผลกระทบน้ำล้นตลิ่ง

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์น้ำ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจากนี้ไปจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนตุลาคม โดยเดือนกันยายนฝนจะตกชุกภาคกลางตอนบน ส่วนเดือนตุลาคมร่องมรสุมจะขยับลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ดังนั้น การวางแผนผันน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งลุ่มเจ้าพระยา 115,000 ไร่ จะเริ่มทำจากทุ่งเจ้าพระยาตอนกลางก่อน

นายทองเปลว กล่าวว่า น้ำเหนือจากนครสวรรค์จะมีปริมาณมากตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน และใช้เวลาอีก 10 วันน้ำท่าค้างทุ่งจะไหลมาสมทบ จึงควรเริ่มผันน้ำเข้าทุ่งตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนนี้ โดยจะนำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เช่น ฝั่งตะวันออกส่งเข้าคลองชัยนาท-ป่าสักรับน้ำแล้วผันลงทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง ส่งเข้าคลองชัยนาท-พระนครศรีอยุธยาแล้วผันสู่ทุ่งต่าง ๆ จากนั้นบรรจบกับคลองชัยนาท-ป่าสัก ส่วนฝั่งตะวันตกส่งเข้าแม่น้ำท่าจีนแล้วผันเข้าทุ่งโพธิ์พระยา ส่งเข้าแม่น้ำน้อยแล้วผันเข้าทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด ทั้ง 2 ฝั่งจะรับเข้าไปเต็มศักยภาพ คือ 740 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำที่รับได้ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ระยะเวลาหน่วงน้ำ 30 วัน จากนั้นจะทยอยระบายออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำเสีย

สำหรับการผันน้ำลงทุ่งจะทำให้ปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลงมาก หากคิดจากปริมาณการระบายขณะนี้ระบายวันละ 1,435 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตัดน้ำเข้าทุ่ง 740 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่ากับลดปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อนได้ครึ่งงหนึ่ง ซึ่งจะลดผลกระทบต่อภาวะล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยาได้มาก