'ทีโอที' สุดมึนสัญญาพันธมิตรธุรกิจ

'ทีโอที' สุดมึนสัญญาพันธมิตรธุรกิจ

สัญญาพันธมิตร "ทีโอที-เอไอเอส" จ่อรอยาว หลังอัยการสูงสุดตั้งข้อสังเกตยิบ พร้อมสั่งแก้ไขก่อนลงนาม

รายงานข่าวจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือตอบข้อหารือด้านกฏหมายและสัญญา กรณีการทำสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์เพื่อให้บริการโทรคมนาคม และสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์มือถือภายในประเทศ (โรมมิ่ง) บนคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ระหว่างทีโอทีกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในเครือเอไอเอส โดยสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตั้งข้อสังเกตให้ทีโอทีดำเนินการปรับปรุงแก้ไขก่อนจะมีการลงนามในสัญญา

ทั้งนี้ ข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นประกอบด้วย 1.การให้เอไอเอสค้ำประกันการทำสัญญาว่า บริษัทเอดับบลิวเอ็นจะปฏิบัติตามข้อสัญญาตลอดอายุสัญญาเสียก่อนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ เนื่องจากบริษัทเอไอเอสเป็นคู่สัญญาในข้อตกลงเป็นพันธมิตรชั่วคราว แต่ในสัญญาที่จะมีการลงนามกันนั้นคู่สัญญากลับเป็นเพียงบริษัทเอดับบลิวเอ็นที่เป็นบริษัทลูก นอกจากนี้ยังให้มีสัญญาเพิ่มเติมสัญญากับเอไอเอสโดยตรงห้ามมิให้บริษัท เปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคู่สัญญา เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากทีโอที

2.ทีโอทีควรระบุเรื่องของการเชื่อมโยงระหว่างร่างสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์เพื่อให้บริการโทรคมนาคม กับร่างสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โรมมิ่ง) ที่จะลงนามกันเนื่องจากสัญญาทั้งสองฉบับมีความเกี่ยวโยงกัน จึงควรระบุลงไปในสัญญาหากบริษัทเอกชนกระทำผิดสัญญาฉบับใดฉบับหนึ่ง ทีโอทีมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาอีกฉบับด้วย

3. ให้ทีโอทีตรวจสอบนิยามคำว่า ผู้ให้บริการเสมือนในร่างสัญญา ตลอดจนนิยามคำว่า Trafic และ “ผู้ให้เช่า”ว่าถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และตรวจสอบรายละเอียดทางเทคนิคและวิศวกรรม รวมทั้งการคำนวณค่าตอบแทนตามสัญญาว่าสอดคล้องกับข้อตกลงพันธเดิมหรือไม่

แหล่งข่าวจากทีโอที กล่าวว่า หลังจากฝ่ายบริหารทีโอทีรับข้อสังเกตจากสำนักงานอัยการสูงสุดกลับมาพิจารณาพบว่าข้อสังเกตต่างๆที่ให้ทีโอทีดำเนินการแก้ไขก่อนลงนามในสัญญานั้น เป็นเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยที่ยากในการปฏิบัติและจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคู่สัญญาด้วย ทำให้การลงนามในสัญญาอาจต้องยืดเยื้อออกไปอีกระยะ และข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดข้างต้นนั้นยังทำให้เส้นทางการลงนามในสัญญาให้บริการโครงข่ายและบริการโรมมิ่งบนคลื่น 2300 MHz ที่ทีโอทีจะดำเนินการกับบริษัทดีแทคไตรเน็ตในเครือดีแทคด้วย จนฝ่ายบริหารทีโอทีหวั่นเกรงจะกระทบรายได้ที่ทีโอทีจะได้รับจากคู่สัญญาทั้งสองรายปีละกว่า 15,000 ล้านบาท

ด้านนายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีข้อสังเกตที่ทีโอทีจะต้องไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขบางประการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งฝ่ายบริหารทีโอทีจะรับไปดำเนินการต่อไปแต่เชื่อว่าไม่กระทบต่อการลงนามที่จะมีขึ้นแต่อย่างใด

นายมนต์ชัย ยังกล่าวถึงการให้บริการท่อร้อยสายใต้ดินของทีโอทีตามนโยบายจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารที่ระโยงรยางค์รอบกรุงด้วยว่า ทีโอทีได้ลงทุนวางท่อร้อยสายที่พร้อมใช้งานทั่วเขตกรุงเทพและปริมณฑลกว่า 2,000 กม.แล้วแต่จนถึงขณะนี้มีบริษัทเอกชนด้านสื่อสารเข้ามาขอใช้แค่ 300 กม.เท่านั้น เข้าใจว่าเอกชนยังไม่ทราบว่าทีโอทีได้ก่อสร้างท่อร้อยสายเหล่านี้เสร็จแล้วและพร้อมให้บริการแล้ว ส่วนที่มีหลายฝ่ายติงว่าค่าบริการท่อร้อยสายทีโอทีแพงเกินจริงนั้นยืนยันว่าไม่ได้สูงแต่อย่างใด เพราะมีอัตราค่าใช้บริการอยู่ที่ 20,000 บาท/กม.เป็นไปตามอัตราที่ กสทช.กำหนด