Daily Market Outlook (7 ก.ย.60)

Daily Market Outlook (7 ก.ย.60)

ฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศ

คาดดัชนี SET ในวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway upแม้ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลียังคงมีอยู่แต่ตลาดกลับมาให้ความสนใจต่อประเด็นด้านเศรษฐกิจมากกว่าการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้สหรัฐช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลลงสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นและราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงชี้ให้เห็นว่าความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยน้อยลงสำหรับข่าวในประเทศส่วนใหญ่ออกมาในเชิงบวกดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.60 เท่ากับ  62.4 เพิ่มขึ้นจาก62.2 เป็นการปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 4เดือนเนื่องจากการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น

 

หุ้นเด่นวันนี้:CKP(ราคาปิด 3.54 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 3.94 บาท)

เราคาดกำไรสุทธิในช่วง 2H60 ของ CKP มีแนวโน้มจะดีขึ้นกว่าในช่วง 1H60 ซึ่งขาดทุน 33 ล้านบาท เราปรับกำไรสุทธิปี 2560 มาอยู่ที่ 343 ล้านบาท ลดลงจากประมาณการเดิม 29% YoY และปรับลดกำไรสุทธิปี 2561 เป็น 543 ล้านบาท ลดลง 14%YoYแต่ในปี 2562 เป็นต้นไปหลังจาก CKP สามารถรับรู้รายได้ธุรกิจไฟฟ้าจากโครงการไซยะบุรี จะทำให้อัตรากำไรสุทธิช่วงปี 2561-2563 เติบโตเฉลี่ย 92% ต่อปี อย่างไรก็ตามเราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ CKP เพิ่มจาก 3.25 บาทต่อหุ้น เป็น 3.94 บาทต่อหุ้น โดยการปรับเพิ่มมูลค่าธุรกิจของ CKP จากเดิม 1.51 บาท เป็น 2.15 บาท และคงมูลค่าของธุรกิจไฟฟ้าเดิมที่ประกอบด้วยโครงการน้ำงึม 2 โครงการโรงไฟฟ้าบางปะอิน โครงการ 1 และโครงการ 2 และโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าเล็ก ๆ อีกหลายโครงการรวม 1.79 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากเรารวม Potential ในอนาคตที่ CKP อาจจะได้รับสัมปทานผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนในลาวอีกแห่งขนาด 1,400 เมกะวัตต์ หากถือหุ้นกันในสัดส่วนเท่ากับโครงการไซยะบุรี คือ CKP มีสัดส่วนการถือหุ้น 30% คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ CKP ได้อีกอย่างน้อยราว 1.50-2.00 บาทต่อหุ้น จึงเห็นว่า CKP ยังมี Upside จากธุรกิจไฟฟ้าพลังน้ำอีกมาก เพราะธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากเขื่อนมีต้นทุนที่ถูกมากไม่มีค่าเชื้อเพลิง และจะเป็นพลังงานไฟฟ้าลำดับแรกที่จะถูกเรียกให้จ่ายไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จึงมีความมั่นคงทางรายได้มากหากปริมาณน้ำมากพอที่จะผลิตไฟฟ้า    Price Pattern ของ CKP มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ CKP จากการที่สามารถปิดตลาดได้เหนือ 3.52 บาท ถือเป็นการบ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 3.96 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 4.54 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ CKP มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 3.44 บาท(Resistance: 3.56, 3.58, 3.62; Support: 3.52, 3.48, 3.46)     

 

ปัจจัยสำคัญ                                                                                                       

ประเด็นในประเทศ:

·         ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นในรอบ 4 เดือน อยู่ที่ 74.5 จุด จาก 73.9 จุดในเดือน ก.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น หนุนโดยภาคส่งออกและท่องเที่ยว และสภาวะการเมืองในประเทศที่เริ่มมั่นคงขึ้น (Bangkok Post)

·         กสทช. เห็นชอบลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม หวังเพิ่มการแข่งขันในอุตสาหกรรมและสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิตัลของประเทศ (Bangkok Post)

·         รัฐบาลเตรียมยกเลิกเกณฑ์บังคับไม่ให้ครัวเรือนขายไฟฟ้า ในไตรมาส 4/60 นี้ ซึ่งจะทำให้บ้านเดี่ยว โกดังสินค้า โรงงาน และสำนักงานสามารถขายกำลังไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากโซลาร์รูฟทอปให้แก่ EGAT ได้ (Bangkok Post)

 

ต่างประเทศ:

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ หลังจากบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปอีก 3 เดือนซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนซึ่งเป็นกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้น  อีกทั้งมีข้อเสนอจากสมาชิกระดับสูงพรรคเดโมแครตที่จะจัดหาเงินให้รัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) รวมทั้งโปรแกรมต่าง ๆ เน้นไปที่การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ (รอยเตอร์)
  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธและดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับเงินเยน เนื่องจากข่าวดีจากรัฐบาลสหรัฐช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและพายุเฮอริเคนลูกใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวมุ่งสู่เปอร์โตริโกและฟลอริดา (รอยเตอร์)

สหรัฐ:

  • ทรัมป์สนับสนุนพรรคเดโมแครตในข้อตกลงเพดานหนี้ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้บรรลุข้อตกลงกับพรรคเดโมแครตอย่างเป็นที่น่าแปลกใจเมื่อวันพุธเพื่อขยายเพดานหนี้สหรัฐและจัดหาเงินทุนให้แก่รัฐบาลออกไปจนถึง 15 ธ.ค. นี้ เพื่อลดความเป็นศัตรูทางการเมืองและตอบโต้สมาชิกพรรครีพับลิกันด้วยข้อตกลงระหว่าง 2 พรรคซึ่งหาได้ยาก (รอยเตอร์)
  • รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขตของเฟดหรือ Beige Book ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยถึงปานกลางในช่วงเดือนก.ค. และส.ค.หนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นต่อ (รอยเตอร์)

ยุโรป:

  • ECB เตรียมแผนลดมาตรการกระตุ้น มาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่าธนาคารกลางเตรียมหารือเรื่องการลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินในช่วงระหว่างการประชุมในวันพฤหัสนี้ (รอยเตอร์)
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้ เด้งตัวขึ้นจากที่ปรับลงก่อนหน้า เนื่องจากกำไรในตลาดพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดลง และจุดสนใจนักลงทุนเริ่มมุ่งไปที่ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประชุม ECB (รอยเตอร์)

เอเชีย:

  • ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในวันพุธที่ผ่านมา แต่การแข็งค่าก็อ่อนตัวลงจากแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐของบริษัทต่างๆในช่วงเช้า สกุลเงินจีนแข็งค่าเร็วกว่าปกติ ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ค่าเงินได้ปรับแข็งค่าจนการแข็งค่าของปี 2017 นั้นมีขนาดที่มากกว่าการอ่อนค่าของปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อวันพุธ เนื่องจากมีแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยในหุ้นขนาดกลางถึงขนาดเล็กได้กลบการขาดทุนที่เกิดขึ้นเมื่อตลาดร่วงลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือนจากสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่สูงขึ้น (รอยเตอร์)

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันปรับขึ้นมากกว่า 1% เมื่อวันพุธ เนื่องจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และโรงกลั่นหลายๆ แห่งในสหรัฐเริ่มกลับมาดำเนินการหลังจากโดนกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ ส่งผลให้ตลาดเริ่มกลับมา bullish อีกครั้ง (รอยเตอร์)
  • ราคาทองดิ่งจากจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากความกังวลในเรื่องการปิดหน่วยงานในสหรัฐผ่อนคลายลง และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับค่าเงินเยน (รอยเตอร์)