แจงไม่เคยคิดถอนการลงทุน เชื่อตลาดมีศักยภาพ โอกาสเติบโตสูง ปักธงสร้างการเติบโต-เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง
นายฮง โชล จอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเลฟเว่นสตรีท ประเทศไทย กล่าวว่า จากกรณีที่ทางเอสเค แพลเน็ต บริษัทแม่ของอีเลฟเว่นสตรีทได้ประกาศถอนตัวออกจากตลาดประเทศอินโดนีเซีย และมีข่าวสะพัดว่าอาจมีแผนหยุดการลงทุนในตลาดอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง
เขากล่าวว่า นับจากเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนก.พ.อีเลฟเว่นสตรีท ประเทศไทย ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก ขณะเดียวกันสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซแถวหน้าในเวลาไม่นาน
"เรายังคงมั่นใจในตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทย และยืนยันว่าจะเดินหน้าธุรกิจ พร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดไทยให้ได้"
หลังจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวนวัตกรรมบริการใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัทไทย ทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจหลายราย เพื่อแสวงหาแนวทางกลยุทธ์ธุรกิจที่เหมาะสมที่สุด เตรียมตัวเข้าสู่เฟสต่อไปในการพัฒนาให้บริษัเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้มแข็งยิ่งขึ้น
นายจินวู คิม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ เอสเค แพลเน็ต กล่าวว่า การที่บริษัทตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์และขายธุรกิจในอินโดนีเซียนั้นไม่มีผลใดๆ ต่อความตั้งใจเดิมที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว
ทั้งนี้ มองว่านอกจากประเทศไทยจะเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยภาพรวมทางเอสเค แพลเน็ต ยังมีแผนเดินหน้าธุรกิจในต่างประเทศต่อเนื่องแน่นอน
"เราจะเลือกลงสนามในพื้นที่ที่เรามีโอกาสชนะเท่านั้น นอกจากมาเลเซียและตุรกีแล้ว อีกหนึ่งสนามแข่งขันที่เรามั่นใจก็คือประเทศไทย” นายคิม กล่าว
ข้อมูลจากอีเลฟเว่นสตรีทระบุว่า ปัจจุบันมีส่วนแบ่งเป็นอันดับที่ 2 ในตลาดไทย จำนวนฐานลูกค้าที่ซื้อจริง 580,000 ราย ร้านค้าเข้าร่วม 18,000 ร้านค้า ตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้ลูกค้าจะเพิ่มเป็น 1 ล้านราย ร้านค้าแตะ 2 หมื่นร้านค้า หรือรวมมียอดขายเกิดขึ้นในระบบไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท อัตราเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ 2,000 บาท ขณะนี้มีสินค้าอยู่ในระบบ 5.1 ล้านรายการ