MORNING CALL ACTION NOTES (6 ก.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (6 ก.ย.60)

กังวลเกาหลีเหนือ

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความกังวลจากคาบสมุทรเกาหลีในส่วนของการยิงทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อกลุ่ม PETRO ICT และ AGRI  เข้ามาช่วยหนุนให้ SET ปิดที่ 1,620.42 จุด (+1.31 จุด) Vol. 5 หมื่นลบ. โดย Foreign Net +348 ลบ.  TFEX Net -3,960 สัญญา ตราสารหนี้ +23,269 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ความกังวลเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ และล่าสุดเกาหลีเหนือเริ่มเคลื่อนย้ายขีปนาวุธไปทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ ซึ่งคาดว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ส่งผลให้ VIX index สูงขึ้นเป็น 12.2 จุด , US Bond Yield 10 Year ลดลงสู่ 2.07 และ Gold ขึ้นสู่ 1,340 US

- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังมีรายงานว่าเกาหลีเหนือเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ รวมถึงตัวเลข PMI ภาคบริการเดือนส.ค. ปรับตัวลงแตะ 54.7 จากระดับ 55.4 ในเดือนก.ค.

- ตลาดหุ้น DJ  ปรับตัวลงแรงจากความกังวลสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี รวมถึงคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐในเดือนก.ค. -3.3% (ต่ำสุดในรอบ 3 ปี)  และความล่าช้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

+ ราคาน้ำมันทรงตัวล่าสุด 48.6 US/Barrel จากข่าวรัสเซียและซาอุฯกำลังเจรจาขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตที่จะสิ้นสุดใน Q1/2018

+/- Foreign เป็น Net Buy 6 วันราว 8.7 พันลบ. แต่เป็น Net Short TFEX 6 วันราว 8 หมื่นสัญญา

** 6 ก.ย. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book จากเฟด

** 7 ก.ย. ECB ประชุมนโยบายการเงินคาดคงอัตราดอกเบี้ยและการใช้ QE

** 7 ก.ย. การประมูลรถไฟทางคู่ 2 สัญญา มูลค่าราว 2 หมื่นลบ.

ภาวะตลาดหุ้นไทยมีแรงกดดัน Sentiment เชิงลบของตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ตามกระแส Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy ต่อเนื่อง 6 วัน รวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวจะช่วยหนุนดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,615 - 1,625 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- IVL ราคาฝ้ายพุ่งขึ้นทำ High รอบ 2 เดือนล่าสุด 75.3 Cents/Pound

- STA ราคายางพาราทำ High รอบ 3 เดือนล่าสุด 224 Yen/Kg.

- กลุ่มโรงกลั่น ค่าการกลั่นพุ่งขึ้นแรงล่าสุดราว 11.4  US/Barrel

- TASCO ราคายางมะตอยจีน +12% MoM ล่าสุด 2,893 Yuan/Ton

- PDI   ราคาสังกะสีทรงตัวในระดับสูงล่าสุด 3,188 US/Ton

- COM7 SYNEX  SIS กลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า

หุ้นแนะนำพิเศษ

IRPC (ราคาปิด 5.95 Bloomberg consensus 6.02)

  • ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 11-12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล +38%QoQ ตามส่วนต่างน้ำมันเบนซิน +38%QTD เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐได้รับผลกระทบจากพายุ ฮาร์วีย์ ขณะที่ส่วนต่างมันอากาศยาน+38%QTD หลังผ่าน low season ไปแล้ว และน้ำมันดีเซล +36QTD เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนและญี่ปุ่นลดลง
  • ส่วนต่างน้ำมันน้ำมันดีเซลที่ดีดตัวขึ้นกว่า 36% เป็นผลบวกต่อ IRPC เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการกลั่นน้ำมันดีเซลมากถึง 69% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มโรงกลั่นทำให้ได้รับประโยชน์ในการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างน้ำมันดีเซลมากสุด
  • เราคาดว่ากำไรปกติของ IRPC จะเติบโตขึ้นตามการใช้กำลังการกลั่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200 KBD และจะเพิ่มเป็น 215 KBD ภายในปลายปี 61 หากการปรับปรุงหอกลั่นแล้วเสร็จส่งผลให้สามารถรับน้ำมันดิบจากแหล่งที่หลากหลายได้ นอกจากนี้มีประเด็นบวกครึ่งปีหลัง คาดโรงงานผลิต PP เฟส 2 จะแล้วเสร็จ 3Q60 ส่งผลให้สามารถผลิต Polypropylene (PP) ได้อีก 300 KTA (กำลังการผลิตรวม 700 KTA) ซึ่งในปัจจุบันเม็ดพลาสติก PP มีอัตรากำไรที่สูงเพราะวัตถุดิบราคาปรับตัวลงจากสหรัฐมีการผลิตได้เพิ่มขึ้น

หุ้นมีข่าว   

BCP Knowledge Sharing

Ø  เหมือง Lithium สามารถผลิตได้ 3 รูปแบบคือ 1)ผลิตจากน้ำทะเล 2)ผลิตจากภูเขา และ3)ผลิตจากดิน(ปัจจุบันยังไม่มีการผลิตเชิงพาณิชย์) โดยเรียงต้นทุนการผลิตจากน้อยไปมากได้ดังนี้ น้ำทะเล ดิน และภูเขา

Ø  บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสความต้องการใช้ Lithium ที่เพิ่มขึ้นในการผลิตแบตเตอร์รี่จากการเปลี่ยนจากรถยนต์ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV car) โดย Global Lithium คาดว่าความต้องการใช้แบตเตอร์รี่ Lithium จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีก 200% สู่ 537 แสนตันต่อปีภายในปี 2025 ขณะที่ราคาแร่ Lithium ปรับตัวขึ้น 150% จากปี 13 สูระดับ 12,500 $/Ton ในปี 16

Ø  BCP เข้าลงทุนในเหมือง Lithium 16.1% ผ่านบริษัท BCPI(BCP ถือหุ้น 100%) ซึ่งเป็นเจ้าของ 1)เหมืองผลิตแร่ Lithium จากน้ำทะเลที่ประเทศอาเจนตินาซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายใน 3Q19 และ2) เหมืองที่ประเทศสหรัฐซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองการผลิตแร่ Lithium จากดิน

Ø  ถ้าเหมืองที่ประเทศอาเจนติน่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 19 คาดว่าจะสามารถผลิตแร่ได้ปีละ 25,000 ตันต่อปีที่ต้นทุนการผลิต(variable cost) เพียง 2,500 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งเพียงพอต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 1.5 ล้านคันต่อปีหรือเพียงพอต่อการผลิตมือถือ 8 พันล้านเครื่อง

Ø  (+/-)SCN (ราคาปิด 5.05 Bloomberg Consensus 6.80) จะลงทุน 77.3 ลบ.สร้างสถานีบริการ NGV ในชัยนาท หลังเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซฯจากแนวท่อกับ PTT (ที่มาอินโฟเควสท์)    

Ø  ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อการขยายสถานี NVG แม้ว่าจะช่วยหนุนปริมาณจำหน่ายให้เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะไม่ได้รับประโยชน์สูงเหมือนในอดีตเนื่องจากราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำ 45-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

Ø  SPALI (ราคาปิด 26 Bloomberg Consensus 27.38) ยอดขาย presale ปี 60 มีโอกาสทำได้เกินเป้าที่ 2.7 หมื่นลบ.  8M60 ทำได้แล้ว 67%  และในอีก 4 เดือนที่เหลือมีแผนเปิดขายแนวราบ 14 โครงการและคอนโด 3 โครงการมูลค่ารวมเกือบ 1.58 หมื่นลบ.  ปี 61 เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% จากปีนี้  สำหรับเป้ารายได้ปี 60 ที่ 2.45 หมื่นลบ.มี backlog รองรับแล้ว 100% (ที่มา อินโฟเควสท์)

Ø  ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต ทั้งนี้ รายได้ 2H60 มีแนวโน้มดีกว่า 1H60 จากแผนโอนคอนโดฯ 6 โครงการเทียบกับ 1 โครงการ ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 ราว 5,344 ลบ. +9% ทั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจคือ กำหนด XW วันที่ 18 ก.ย. อัตราการแปลง 1:1 ที่ราคา 4 บาท อายุ 1 ปีมีความสนใจโดยประเมินราคาเหมาะสมของ SPALI-W4 ได้ราว 22.11 บาท

Ø  (+) STEC (ราคาปิด 26.25  Bloomberg Consensus 31.33) จ่อคว้างานรถไฟทางคู่ สายประจวบฯ-ชุมพร สัญญา 2 ดั๊มพ์ราคาต่ำสุด 5,992 ล้านบาท ขณะพรุ่งนี้เคาะราคาสายสุดท้าย ลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญา 1 ราคากลาง 10,147.05 ล้านบาท ลุ้น UNIQ คว้างานเพิ่ม(ที่มาข่าวหุ้น)