โรงแรมแบรนด์ดัง2แห่งในไทยประกาศขาย

โรงแรมแบรนด์ดัง2แห่งในไทยประกาศขาย

เจแอลแอล เผยได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนขาย 2 โรงแรมแบรนด์ดัง  "โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท และโนโวเทล ภูเก็ต กะรนบีชรีสอร์ท ชี้แรงหนุนท่องเที่ยวไทยยังโต มั่นใจนักลงทุนสนใจซื้อ 

เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนขายโรงแรม 2 แห่งในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของไทย ซึ่งบริหารโดยเชนบริหารโรงแรมระหว่างประเทศ ได้แก่ โรงแรมโฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท และโรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต กะรน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา

โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท บริหารโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงแรมขนาด 268 ห้องพัก ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่ประมาณ 900 ตารางวาในทำเลชั้นดีของย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นแหล่งธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว และความบันเทิง อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและสถานีรถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ที 5 นาทีด้วยการเดิน

โนโวเทล ภูเก็ต กะรน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา บริหารโดยแอคคอร์โฮเทล ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่เกือบ 12 ไร่ ห่างจากหาดกะรนเพียงสองนาทีด้วยการเดิน เป็นโรงแรงสไตล์รีสอร์ทขนาด 224 ห้องพัก ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะรองรับลูกค้าที่เป็นครอบครัว โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่าน้ำ 3 สระ เครื่องเล่นสไลด์น้ำ สปาขนาดใหญ่ และสโมสรสันทนาการสำหรับเด็กทุกวัย

นายไมค์ แบทเชเลอร์ หัวหน้าฝ่ายขายภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่าการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการมีสาธารณูปโภคที่ดี การมีความได้เปรียบในแง่ของทำเลที่ตั้ง และการมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทำให้มีนักลงทุนสนใจหาโอกาสลงทุนซื้อโรงแรมในไทยอย่างต่อเนื่อง 

"โอกาสที่นักลงทุนจะสามารถหาซื้อโรงแรมที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการลงทุนในไทยมีไม่มาก โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวหลักดังเช่นกรุงเทพฯ และภูเก็ต"

ด้วยเหตุนี้เชื่อว่าการเสนอขายโรงแรมทั้ง 2 แห่งในครั้งนี้ จะได้รับความสนใจสูงทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะมีโรงแรมที่สร้างรายได้ดีและบริหารโดยบริษัทบริหารโรงแรมรายรายใหญ่ของโลก ดังเช่น แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล และแอคคอร์โฮเทล นำออกมาเสนอขาย” นายแบทเชเลอร์กล่าว

ในปี 2559 ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับโดยมาสเตอร์การ์ดให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 20.8 ล้านคน คาดว่า ตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯ จะได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้นอีกจากความได้เปรียบในแง่ของทำเลที่ตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ประกอบกับแผนการขยายท่าอากาศยานที่จะช่วยให้สามารถรองรับผู้เดินทางโดยเครื่องบินได้เพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคนภายในปี 2565

ส่วนภูเก็ต ยังคงเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลของไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นแหล่งรวมของแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก ภาคธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตมีผลประกอบที่แข็งแกร่ง โดยเฉลี่ยมีอัตราการเข้าใช้บริการห้องพักสูงกว่า 80% มีเส้นทางบินตรงจากกว่า 70 เมืองของ 21 ประเทศมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.4% ต่อปีระหว่างปี 2554-2559 เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอีก จากการลงทุนปรับปรุงสาธารณูปโภค อาทิ การขยายอาคารผู้โดยการภายในประเทศของสนามบินภูเก็ตที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ และการเสนอโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา