สาวพิการสมองฝ่อสู้ชีวิต วอนของานหาเงิน รักษาพ่อป่วยติดเตียง

สาวพิการสมองฝ่อสู้ชีวิต วอนของานหาเงิน รักษาพ่อป่วยติดเตียง

อดีตจนท. ของมรภ.อุบลฯ เป็นโรคพันธุ์กรรมทำสมองฝ่อ สู้ชีวิตดิ้นรนขายของออนไลน์ กำไร 5-20 บาท หวังของานหาเงินเลี้ยง 4 ชีวิต พ่อป่วยติดเตียง ลูกชายพิการเท้าปุก-สามีเสียชีวิต

จากเฟสบุ๊คชื่อ Randekdek Kidshop เล่าถึงความลำบากและการสู้ชีวิตของตัวแทนจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็ก ชื่อตาล โดยเจ้าของเพจระบุว่า ตาลเคยแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป แต่หลังจากตั้งครรภ์ เมื่อพฤษภาคม 2559 พบว่ามีโรคทางพันธุกรรม คือ โรคสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวฝ่อ ทำให้แขนและขาไม่มีแรง ทำให้ทำงานไม่ได้ เมื่อคลอดลูก พบว่า มีอาการเท้าปุก ต่อมาสามีเป็นโรคหลอดเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก เป็นโรคใหม่ที่รักษาไม่ได้เสียชีวิตเฉียบพลัน ทำให้ต้องหาเงินเลี้ยงลูก เธอจึงเลือกที่จะเป็นตัวแทนขายสินค้าแม่และเด็ก พอมีกำไรมาใช้จ่ายค่านมและค่ากินอยู่

หลังทราบข่าว เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเลขที่313 หมู่4 ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งลักษณะเป็นบ้านไม้ผสมปูนชั้นเดี่ยวยกพื้น ภายในบ้านพบนางสาวธนิดา ฉันเทียะหรือตาล อายุ 35 ปี กำลังเลี้ยงลูกชาย วัย 9 เดือน นางมลิวัลย์ ฉันเทียะ อายุ 55 ปี แม่น.ส.ธนิดา กำลังดูแลนายปัญโญ ฉันเทียะ อายุ 59 ปี ผู้เป็นพ่อน.ส.ธนิดา ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงเจาะคอ และสมองฝ่อไม่สามารถรับรู้เรื่องราวได้

สอบถามนางสาวธนิดา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวมีฐานะปานกลาง เมื่อเรียนจบป.ตรี จากมหาวิทยาลัยการจัดการอีสเทิร์น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทำงานและมีครอบครัวที่ จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะกลับมาอยู่บ้านดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ ปอดติดเชื้อเจาะคอเป็นผู้ป่วยติดเตียง หลังจากกลับมาอยู่บ้าน ได้สมัครเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ได้ 5 ปี ตั้งครรภ์ 4 เดือน พบว่าร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติเดินไม่ตรงมือสั่น แพทย์ให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 เดือน ได้ข้อสรุปว่าโรคที่เป็นไม่สามารถรักษาได้เนื่องจากเป็นโรคทางพันธุ์กรรมสมองส่วนควบคุมฝ่อ ไม่มียาและวิธีรักษา หลังจากคลอดลูกชายได้ 1 เดือน สามีเสียชีวิตกะทันหันจากโรคเส้นเลือดในทรวงอกแตก ซึ่งเป็นโรคที่เฉียบพลันและรุนแรงไม่สามารถรักษาได้ทัน เคราะห์ซ้ำยังไม่จบ ลูกชายที่พึ่งเกิดมากระดูกขาและเท้ามีการผิดรูปหรือเรียกว่าโรคเท้าปุก ต้องให้แพทย์เฉพาะทางและเงินในการรักษาจำนวนมาก แต่ด้วยสมาชิกทั้งบ้านป่วยมีเพียงแม่เพียงคนเดียวที่ดูแลคนป่วย 3 คน จึงทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาในครอบครัวเว้นแต่เบี้ยคนพิการ

ด้วยภาระในครอบครัวที่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่านม ที่สูงกว่าเดือนละ10,000 บาท ทำให้ต้องหารายได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัว ด้วยการเป็นตัวแทนขายของออนไลน์ ด้วยการรับเป็นตัวแทนขายสินค้ากลุ่มของเด็กมาขายบวกราคาเพิ่มเช่นทุนจากโกดังราคา 100 บาท ตนก็จะบวกเพิ่ม 5-20 บาท แล้วแต่สินค้าแต่ละชนิดเมื่อลูกค้าสั่งของโอนเงินมาให้ตนก็จะโอนเงินไปให้โกดัง 100 เท่ากับต้นทุนแต่เมื่อโอนข้ามเขตก็จะเสียค่าธรรมเนียม ครั้งละ10บาท ทำให้กำไรที่ได้ก็ลดลงไปอีก หากจะบวกกำไรเพิ่มก็จะขายของไม่ได้เนื่องจากมีคนขายเยอะและตัดราคากันบางวันขายได้ บางวันขายไม่ได้ บางครั้งทั้งอาทิตย์ขายไม่ได้เลยก็มี หากวันไหนลงขายเยอะเฟซบุ๊กก็จะบล็อกเพราะถูกมองว่าเป็นสแปม บางครั้งก็โดนโกงโอนเงินไปไม่ส่งของมาให้

“เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่นึกถึงแม่ที่ยังสู้ดูแลเราและครอบครัว ซึ่งมันหนักมากสำหรับแม่ จึงฮึดสู้ต่อ เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกันเลี้ยงลูกชายให้เติบโตขึ้นมา หากถามว่าตอนนี้ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน แต่ตนเองมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ 2 เรื่องคือ หากท่านใดอยากได้ตัวแทนจำหน่ายตนพร้อมที่จะรับสินค้ามาจำหน่ายทางเฟซบุ๊กเพื่อขอเป็นรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว และให้วงการแพทย์เข้ามาศึกษาวิจัยโรคที่เป็นในครอบครัวว่าเกิดจากสาเหตุใดรและจะต้องทำการรักษาอย่างไรเพราะอย่างน้อยอนาคตลูกชายของตนอาจจะเป็นเช่นเดียวกัน จึงอยากให้มีวิธีการรักษาเพื่อที่จะได้นำมารักษาลูกชายหรือครอบครัวอื่นที่เป็นเช่นเดียวกัน” นางสาวธนิดา กล่าว

เบื้องต้นนักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พิจารณาเงินช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน จำนวน 2,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน มอบรถเข็นสำหรับคนพิการ พิจารณาปรับสภาพแวดล้อมบ้านสำหรับคนพิการ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ประสบปัญหา สามารถดำรงชีวิตได้อย่างอิสระและเหมาะสม

สำหรับประชาชนท่านใดมีความประสงค์จะช่วยเหลือครอบครัวของนางสาวธนิดา ฉันเที๊ยะ สามารถบริจาคได้ที่หมายเลขบัญชีธนาคาร กรุงไทย สาขาถนนชยางกูร หมายเลขบัญชี321-0-40435-6ชื่อบัญชี น.ส.ธนิดา หรือฉันเทียะ หมายเลขโทรศัพท์064 – 6425571หรือ เฟซบุ๊ก ชื่อ Namtarn Nongface - facebook.com/namtarn.nongface
การรักษาเท้าของน้องเฟส ลูกชายของตาล ได้รับความอนุเคราะห์จากหมอเด็กที่ กรุงเทพ บินมารักษาน้อง โดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดทั้งสิ้น โดยอาศัยพื้นที่ของโรงพยาบาลชุมชนในการรักษาแล้วก็บินกลับ