วิชั่น’ราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด’เคลื่อนพีแอนด์จีฯรับแข่งดุ

วิชั่น’ราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด’เคลื่อนพีแอนด์จีฯรับแข่งดุ

ประสบการณ์ทำตลาดคอนซูเมอร์ทั่วโลกจนต้องรับบท'แม่ทัพ' เคลื่อนธุรกิจพีแอนด์จี ประเทศไทย โจทย์หินสำหรับ'ราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด'สานวิชั่นดันยอดขายให้เติบโต 2 หลัก ปั้นคนไทยเติบใหญ่ในองค์กรระดับภูมิภาค

เป็น “ยักษ์ใหญ่” สินค้าอุปโภคบริโภคโลก และอยู่ในตลาดมาอย่างยาวนานถึง 180 ปี ในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก มีแบรนด์มากถึง 105 แบรนด์ มียอดขายในปีที่ผ่านมามากถึง 6.53 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 2.14 ล้านล้านบาท สำหรับ “พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล”หรือพีแอนด์จี

ขณะที่พีแอนด์จี ประเทศไทย ปีนี้ทำตลาดครบ 30 ปี(3 ทศวรรษ) พร้อมกับมี “แม่ทัพ”ใหม่ชาวฟิลิปปินส์ “ราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย) จำกัด 

แม้ราฟฟี่เพิ่งเข้ามากุมบังเหียนอย่างเป็นทางการได้ 1 ปี 1 เดือน ทว่าเขาคือลูกหม้อมีประสบการณ์ทำงานกับพีแอนด์จีมานานถึง 18 ปี ดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้า และผลิตภัณฑ์ความงามทั้งในภูมิภาคเอเชีย และตลาดโลก ร่วม 50-60 ประเทศมาก่อน 

ทว่า เมื่อเข้ามารับไม้ต่อดูแลตลาดในไทย แทนผู้บริหารคนก่อนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2559 สิ่งที่เขาคิดว่ารู้จักตลาดเอเชียดีแล้ว แต่สำหรับตลาดไทยกลับไม่เป็นเช่นนั้น

“ตอนเข้ามารับตำแหน่ง เซอร์ไพรส์มากที่ตลาดคอนซูเมอร์ในไทยคาดว่าจะง่าย และน่าจะเติบโตดีในอัตรา 2 หลัก เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมา แต่พอเข้ามาดูตลาดจริงๆ กลับยากกว่าที่คิด ตลาดแข่งขันสูงมาก มีโปรโมชั่นเยอะมาก”ราฟฟี่วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดคอนซูเมอร์ในไทย

ก่อนขยายความว่า ตลาดคอนซูเมอร์ไทย“ควรจะง่าย” เพราะเป็นประเทศที่พัฒนามาระดับหนึ่ง แต่เอาเข้าจริงกลับพบว่าตลาดแข่งขันดุเดือดจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ แห่ห้ำหั่นราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย รักษาและแย่งส่วนแบ่งตลาดกันในที และยังเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ทรงๆทรุดๆดังนั้นการเข้ามานำทัพธุรกิจสำหรับเขาจึงต้องใช้ “ความกล้าหาญ” ต่อกรกับคู่แข่งในตลาดทั้งเชิงรุกและตั้งรับไปพร้อมๆกัน

ทว่า ความที่“ดีเอ็นเอ”พีแอนด์จีจะต้องเข้าใจความต้องการเชิงลึก หรือ Insight ของผู้บริโภคให้ได้ก่อน กลายเป็น“แต้มต่อ”ให้เขาสามารถนำข้อมูลส่วนนี้ มาวางโปรแกรม กลยุทธ์การตลาด เพื่อรุกและตั้งรับสมรภูมิการค้าเดือด 

นอกจากนี้ ยังเตรียมนำการปฏิบัติงานที่ดี (best practice ) ตลอดจน “ความสำเร็จ” ที่เคยสร้างไว้ให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆในต่างประเทศมาใช้ในไทยหนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่ถูกหยิบยกมาเล่าเสมอ คือผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้าแบรนด์ “ดาวนี่” ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ได้ขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ยังมีกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอย การหาทาง “เพิ่มยอดขาย” ด้วยการเพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแพนทีน ทรี มินิท มิราเคิล (3 minutes miracle) ไม่จำกัดอยู่แค่ใช้แชมพูสระผมเท่านั้น เป็นต้น

พีแอนด์จีในประเทศไทย ถือว่ามีอัตราการเติบโต “ระดับกลางๆ” เมื่อเทียบกับฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย แต่ด้วยพื้นฐานที่ดีที่พีแอนด์จีอยู่ในตลาดมานาน 3 ทศวรรษ เขาบอกว่า จากนี้ไปเป็นจังหวะที่ดีที่จะ “เพิ่มสปีดอัตราการเติบโต” ให้กับองค์กร ด้วยการใส่“นวัตกรรม”เข้าไปในทุกกระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจของพีแอนด์จี 

เขาบอกว่า พนักงานมักจะเริ่มต้นทำงานด้วยการตั้งคำถาม “What if?”  ถ้ามีสิ่งนี้มาช่วยพัฒนาให้คุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นดีกว่าได้อย่างไร เพื่อค้นพบ “นวัตกรรมใหม่ๆ” เป็น “หัวใจสำคัญ” ในการทำธุรกิจของพีแอนด์จี จึงใส่ใจและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งสินค้าบริษัทก็ล้วนเป็นแบรนด์ระดับโลก (Global brand)

แม้กระทั่งสินค้าล่าสุดผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้าดาวนี่ ที่เปิดตัวทำตลาดครั้งแรกของโลกในไทย จากที่ผ่านมาดาวนี่เป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นการอาศัยจุดแข็งของการมีโรงงานผลิตสินค้าในไทยเป็นฐานผลิตยุทธศาสตร์สำคัญของโลก

การเป็นผู้นำพีแอนด์จีให้ความสำคัญในการ“พัฒนาทรัพยากรมนุษย์”ก้าวสู่การเป็นผู้นำสอดคล้องกับแผนในการพัฒนาธุรกิจระยะยาว และที่ผ่านมามีผู้บริหารชาวไทย โดยเฉพาะผู้หญิงได้นั่งตำแหน่งสำคัญในองค์กรทั้งฝั่งโรงงาน เทรดดิ้ง สุดท้ายคือ“การเป็นพลเมืองที่ดี”รับผิดชอบต่อสังคมรอบด้าน เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรและมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

“พนักงานเราถูกปลูกฝังความคิดนี้ในการทำงาน หาแนวทางใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยและส่งต่อรุ่นหลัง”

นี่เป็นเข็มทิศนำพาองค์กรให้เป็นที่สุดหรือ "Be the best" เป็นวิชั่นของพีแอนด์จี ซึ่งในมุมธุรกิจก็อยากผลักกันยอดขายให้เติบโตอีก 50% ในปี 2563 “ราฟฟี่” เผย  

เพราะเข้ามารับไม้ต่อจากผู้บริหารชาวฟิลิปินส์คนก่อน “ราอูล ฟอลคอน” ซึ่งเกษียณอายุไปปีก่อน ประมือกับภาวะเศรษฐกิจกำลังซื้อที่ไม่สวยหรู กระนั้นเขามีความคาดหวังที่จะเห็นเป้าหมายยอดขายเติบโตในอัตรา 2 หลัก 

ส่วนเป้าหมายใหญ่กว่าเมื่อบริหารธุรกิจในประเทศไทย เจ้าตัวเผยว่า ต้องการสร้างกรณีศึกษาตลาด ช่องทางจำหน่ายที่มีความหลากหลาย การนำแนวทางการปฏิบัติงานที่ดีของประเทศไทยออกไปใช้ในเวทีโลกมากขึ้น และปิดท้ายความสำคัญเรื่อง “คน”

“Ultimate goal ต้องการพัฒนาคนไทยให้เติบโตเป็นผู้นำองค์กร ไม่แค่พีแอนด์จีประเทศไทย และเติบใหญ่ในภูมิภาคอื่นด้วย”

นอกจากประเทศไทย ราฟฟี่ยังดูแลพีแอนด์จีในเมียนมา และลาว จึงเห็นเค้าลางการนำตัวอย่างความสำเร็จการทำตลาดสินค้าคอนซูเมอร์ในไทยไปขยายผลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะลาว ที่มีจุดเด่นเพราะรับชมสื่อไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งสร้างโอกาสให้กับทั้ง 2 ประเทศ ที่ยอดขายพีแอนด์จีเรียกว่าเติบโตสูงถึง 20%

อย่างไรก็ตาม การเป็นแม่ทัพพีแอนด์จีในไทยครั้งนี้ มีระยะเวลากำกับหรือไม่ ราฟฟี่โปรยยาหอมอย่างอารมณ์ดีว่า 

“ผมขออยู่ที่นี่ตลอดไปได้ไหม?..เพราะมีความสุขที่ได้มาอยู่ประเทศไทย” อีกทั้งครอบครัวก็แฮปปี้มากๆ 

“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมหัศจรรย์หรือAmazing ทั้งผู้คน อาหาร แต่ผมไม่ทานเผ็ดนะ” 

เหตุผลข้างต้นเลยทำให้อยากจะบริหารธุรกิจในไทยให้นานที่สุดเท่าที่บริษัทจะอนุญาติ