‘อาร์เอส’ลุยไตรมาส4ดันผู้ชมทะลุ 5แสนปีนี้

‘อาร์เอส’ลุยไตรมาส4ดันผู้ชมทะลุ 5แสนปีนี้

“อาร์เอส” บุกหนักไตรมาส 4  ชู “ข่าว-ซีรีส์บอลลีวู้ด-ละคร-มวย” ดันผู้ชมทะลุ 5 แสนรายปีนี้ ลุยเพิ่มเวลา “คุยข่าวเย็น” เปิดตัวรายการ-ละครใหม่  

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาสสุดท้ายบริษัทวางกลยุทธ์ชิงสายตาผู้ชมดันเรทติ้งทะลุ 5 แสนรายภายในสิ้นปี โดยวางคอนเทนท์ข่าวในคอนเซปต์ “ดูง่าย เข้าใจง่าย” ประเดิมขยายเวลา “คุยข่าวเย็น ช่อง8” เพิ่มเป็น 150 นาที เปิดตัวรายการใหม่ “คุยข่าวค่ำ ช่อง8” เริ่มวันจันทร์ที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้สัดส่วนกลุ่มข่าวขยับขึ้นเป็น 40%  ละครและซีรีส์ 30% วาไรตี้ 20% รายการมวย 10%  

การเลือกเติมข่าวเพราะเป็นคอนเทนท์ที่ถนัด สะท้อนจากเรทติ้ง “คุยข่าวเช้า” ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ อันดับ 1 ขณะที่ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ทำเรทติ้ง อันดับ 3 ในกลุ่มรายการข่าว อีกทั้งใช้งบลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุด

ช่วงไพร์มไทม์วันจันทร์ถึงพฤหัสบดีใช้ “ซีรีส์บอลลีวู้ด” เป็นหัวหอก ดึง “หนุมาน สงครามมหาเทพ” ซีรีส์แอคชั่นผสมผสานแฟนตาซีต่อยอดฐานผู้ชม ออกอากาศไม่ถึงเดือนสร้างเรทติ้ง 2 ล้านรายต่อนาที รวมทั้งผลิตละครใหม่ 4 เรื่องลงจอ ได้แก่ ใจลวง เงาอาถรรพ์ บุษบาเปื้อนฝุ่น และเสน่ห์นางครวญ  ช่วงไพร์มไทม์วันศุกร์ถึงอาทิตย์ ส่งกลุ่มรายการมวย ซึ่งมีรายการมากที่สุด ครองเรทติ้งสูงสุดในกลุ่มทีวีดิจิทัล

บริษัทคาดว่า 6 เดือนหลังนี้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง โดยมีช่อง 8 กับธุรกิจสุขภาพและความงามเป็นหัวหอกทำรายได้ทะลุเป้าหมาย 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เทียบปีก่อน โดย 6 เดือนแรกบริษัททำกำไรสุทธิ 99.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ล่าสุดผลสำรวจเอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ระบุว่า ช่อง 8 เรทติ้งไพร์มไทม์เฉลี่ย 1 ล้านรายต่อนาที เติบโต 40% เทียบช่วงต้นปีที่มีเรทติ้งเฉลี่ย 7 แสนรายต่อนาที ทำให้เรทติ้งแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ

“อุตสาหกรรมทีวีถูกมองว่าเข้าสู่วิกฤติเพราะเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีลดลงแต่จำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้น ทำให้ช่วงไพร์มไทม์เกิดการแข่งขันค่าโฆษณารุนแรง ขณะที่ช่วงนอน-ไพร์มไทม์ขายโฆษณาได้ยากขึ้น เพราะพฤติกรรมผู้ชมส่วนหนึ่งนิยมดูย้อนหลังบนออนไลน์ แต่ทุกวิกฤติมีโอกาสเพราะทำธุรกิจต่างจากรายอื่น เรานำช่อง 8 ที่ทำเรทติ้งติดท็อปไฟว์มาต่อยอดสร้างธุรกิจสุขภาพและความงามซึ่งเป็นเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก”