ข้อหาไม่หยุดรถช่วยหมดอายุความ ไม่กระทบส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ข้อหาไม่หยุดรถช่วยหมดอายุความ ไม่กระทบส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

“อัยการ” ยันไม่กระทบส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน “บอส วรยุทธ” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชนตำรวจ แม้ข้อหาไม่หยุดรถช่วยเหลือจะหมดอายุความ ย้ำขับรถชนคนตายอายุความ 15 ปี

กรณีคดีของนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่อัยการสั่งฟ้องขับรถหรูเฟอร์รารี่โดยประมาทชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 จะขาดอายุความข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชนตามสมควร และไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ในทันทีที่ชน ในวันนี้ (3 ก.ย.)นี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า แม้ข้อหาไม่หยุดรถแสดงตัวเพื่อช่วยเหลือจะขาดอายุความ ก็ไม่กระทบกับการดำเนินกระบวนการ ขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนของนายวรยุทธ ผู้ต้องหาที่อัยการมีคำสั่งฟ้องไว้แล้ว ข้อหานั้นโทษเบา ส่วนข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายที่อัตราโทษหนักยังไม่ขาดอายุความ โดยมีอายุความดำเนินคดี 15 ปีนับจากเกิดเหตุ และจะสิ้นสุดอายุความในปี 2570 ตามขั้นตอนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ อัยการแจ้งข้อมูลข้อหาหนักเป็นหลักด้วยอยู่แล้ว  ดังนั้น การดำเนินกระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยังคงทำกันต่อไป

ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้าการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เป็นภารกิจของสำนักงานอัยการ สำนักต่างประเทศที่มีนายอำนาจ โชติชัย เป็นอธิบดีดำเนินการ ในส่วนของโฆษก ยังไม่ได้รับแจ้งข้อมูลกระบวนการดังกล่าวเพิ่มเติม ขณะที่การติดตามตัวผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวน การฟ้องคดีต้องทำให้ได้ภายในอายุความที่ยังคงเหลืออยู่ ส่วนข้อหาใดที่ขาดอายุความไปแล้วสิทธิการนำคดียื่นฟ้องถูกระงับไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)

ร.ท.สมนึก กล่าวด้วยว่า การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะต้องรู้และแจ้งพิกัดที่อยู่ในต่างประเทศขณะจะส่งคำร้องให้ชัดเจน ไม่ใช่กระบวนการที่เราจะส่งเจ้าหน้าที่ไทยไปดำเนินการจับเองในต่างประเทศได้ทันที เจ้าหน้าที่ของไทยจะดำเนินการได้เฉพาะในเขตอำนาจประเทศไทยเท่านั้น โดยถ้าทราบพิกัดที่ชัดแจ้งแม้ประเทศที่ผู้ต้องหาพำนักไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย เราก็สามารถใช้การร้องขอความร่วมมือทางอาญาและอาศัยหลักถ้อยทีถ้อยอาศัยต่างตอบแทนกันโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยอาจเป็นผู้ใช้ช่องทางนี้ได้

ทั้งนี้ สำหรับข้อหาหนัก กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 นั้น ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท อายุความ 15 ปีนับจากวันเกิดเหตุ

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงถึงการติดตามตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ว่า ในคดีนี้ตำรวจดำเนินการติดตามตัวทุกช่องทาง ซึ่งทางตำรวจกองการต่างประเทศ หรือตำรวจสากล ได้ออกหมายจับแดง ไปยัง 190 ประเทศสมาชิกตำรวจสากล ให้มีการติดตามตัวนายวรยุทธแล้ว หากประเทศใดพบเบาะแสจะแจ้ง และจับกุม แต่ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดตอบกลับมา อาจเพราะแต่ละประเทศก็มีหลายคดีที่ต้องดำเนินการ สำหรับข้อหา ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแล้วไม่หยุดช่วยหรือแจ้งพนักงานหรือชนแล้วหนี ซึ่งจะหมดอายุความในพรุ่งนี้นั้น ยังคงมีข้อหาหนักที่ยังเหลืออยู่คือ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งยังเหลืออายุความอีก 10 ปี

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ที่มีการพูดถึงในลักษณะว่า เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ เรื่องนี้ทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำหากมีเบาะแสให้แจ้งมาได้ทันทีไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ