2พี่น้องลาออกจากครู ทำขนมไทยขายรายได้วันละ4-5พันบาท

น.ส.จีรนันท์ มณีวรรณ หรือติ้ง อายุ 47 ปี และนางอรวรรณ มณีวรรณ หรือหนิง อายุ 46 ปี สองสาวพี่น้องชาวอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ยอมทิ้งอาชีพข้าราชการครู ซึ่งมีเงินเดือนที่มั่นคง หันมาทำขนมไทยสืบทอดสูตรดั้งเดิมจากคุณยายที่ขายมานานกว่า 40 ปี โดยหากเอ่ยชื่อ “ยายสัมฤทธิ์ขนมไทย” ก็จะเป็นที่รู้จักกันดี แต่หลังจากคุณยายเสียชีวิต สองสาวพี่น้อง ก็ได้จดจำสูตรที่เคยช่วยคุณยายทำตั้งแต่เด็ก ทำขายกันเองมากว่า 20 ปีแล้ว

โดยแต่ละวันจะตื่นมาช่วยกันทำขนมตั้งแต่ตี3 เพราะต้องลงมือทำเองทุกขั้นตอนและทำหลายอย่าง อาทิ ขนมใส่ไส้ ข้าวเหนียวสังขยา สังขยาข้าวเหนียวดำ ขนมฟักทอง ขนมกล้วย ขนมเทียนไส้เค็ม ตะโก้ข้าวโพด และตะโก้เผือก รวมทุกอย่างเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า1,000ห่อ โดยเคล็ดลับหรือหัวใจสำคัญของขนมไทยที่สองสาวพี่น้องสืบทอดต่อมาจากคุณยาย คือจะเน้นใช้แต่หัวกะทิสด เป็นวัตถุดิบในการทำขนม เพื่อให้ได้ความมัน และมีกลิ่นหอมจากใบเตย ส่วนวัตถุดิบอย่างอื่นที่นำมาเป็นส่วนประกอบในการทำขนมก็ต้องมีคุณภาพมาตรฐานเช่นเดียวกัน

หากใครได้รับประทานแล้วรับรองต้องติดใจในความหวาน มัน หอม อร่อย ส่วนราคาขายขนมไทยเกือบทุกอย่างก็จะขายในราคาห่อละ 5 บาท ยกเว้นตะโก้ จะขายราคาถาดละ 30 บาท ซึ่งแต่ละวันสองสาวพี่น้องจะมีรายได้จากการขายขนมไทย 4–5,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือกำไรประมาณ 2–3,000 บาท หากใครอยากลิ้มรสขนมไทยสูตรคุณยายของสองพี่น้อง สามารถซื้อได้ที่บริเวณถนนปลัดเมือง ตรงข้ามสระว่ายน้ำ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เริ่มวางขายตั้งแต่6โมงเช้าเป็นต้นไปจนกว่าจะหมด

นางอรวรรณ มณีวรรณ บอกว่า ตนเองและพี่สาวเห็นยายทำขนมไทยขายมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็ช่วยยายทำจึงทำให้จดจำสูตรได้ หลังจากเรียนจบก็สอบเข้ารับราชการครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัด อยู่ได้ประมาณ2ปี ยายก็เริ่มล้มป่วยจึงตัดสินใจออกมาดูแลยายและมาสืบทอดการทำขนมไทยขาย จนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งนอกจากจะทำวางขายที่บ้านแล้ว ยังรับออเดอร์จากโรงเรียน และตามงานต่างๆ อีกด้วย ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ4–5,000บาท ซึ่งนอกจากจะเป็นรายได้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว ยังได้สืบทอดอาชีพทำขนมไทยที่ตัวเองและคุณยายรักอีกด้วย