สั่งย้าย 'ปลัดบุญญฤทธิ์' กลับเหนือ หลังถูกเด้งอยู่อีสาน52วัน

สั่งย้าย 'ปลัดบุญญฤทธิ์' กลับเหนือ หลังถูกเด้งอยู่อีสาน52วัน

กรมปค.สั่งย้าย "บุญญฤทธิ์" ปลัดจอมแฉ จากพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี กลับภาคเหนือ เป็นปลัดอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานีในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ( ส.ปอ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งให้ย้ายจากตำแหน่งปลัดอำเภอหรือ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ จากที่ทำการปกครอง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ไปดำรงตำแหน่งเดียวกันที่ทำการปกครอง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 ซึ่งก่อนหน้านี้นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ รองอธิบดีรักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งให้ย้ายจากตำแหน่งปลัดอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มาดำรงตำแหน่งเดียวกันที่ทำการปกครอง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยสั่งให้มารายงานตัวในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 52 วัน

นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดจอมแฉกล่าวว่า กรมการปกครองได้เคยย้ายผมจากส่วนกลาง มาอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สรุปกล่าวอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของทางราชการ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนขาดแคลนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และพบปัญหาการร้องเรียนเรื่องการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ การทำลายทรัพยากรป่าไม้ จึงต้องอาศัยข้าราชการซึ่งมีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถในด้านการแก้ไขปัญหา ประกอบกับมีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคเหนือ และเคยดำรงตำแหน่งในพื้นที่จังหวัดพะเยา เชียงใหม่ ตามลำดับ จึงเป็นการใช้อำนาจดุลพินิจย้ายที่เหมาะสมและชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของทางราชการ

ต่อมา นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ รองอธิบดีรักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งให้ย้ายจากตำแหน่งปลัดอำเภอ แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มาดำรงตำแหน่งเดียวกันที่ทำการปกครอง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ระยะทางไกลถึง 1,085 กิโลเมตร และผมไม่เคยปฏิบัติราชการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสั่งให้มารายงานตัวในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา จึงได้อุทธรณ์ คำสั่งและขอความเป็นธรรมซึ่งจากคำสั่งดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจดุลยพินิจที่มีเจตนาไม่สุจริต

“ล่าสุดกรมการปกครองได้มีคำสั่งที่764/2560 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ให้ย้ายมาปฎิบัตหน้าที่ปลัดอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแทบไม่เคยปรากฏมาก่อน และถึงแม้ผมจะถูกกล่าวหาจากผู้บังคับบัญชาว่าสมองกลวง เป็นโรคจิต ทำนอกลู่นอกทาง เพราะผมดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงที่กระทำความผิด ผมต้องถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง ถูกขับไล่ ถูกฟ้องเป็นคดี แต่ผมก็เดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมต่อไปโดยเฉพาะกับผู้ด้อยโอกาส ผมต้องขอกราบขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ”