'ทริพเพิลไอ' เทรดวันแรกเหนือจอง 47.91%

'ทริพเพิลไอ' เทรดวันแรกเหนือจอง 47.91%

หุ้น"ทริพเพิล ไอ โลจีสติกส์" เข้าซื้อขายวันแรกยืนเหนือจอง 47.91% ผู้บริหารพอใจราคา พร้อมยืนเป้ารายได้ปีนี้โต 25%

บรรยากาศการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจีสติกส์ จำกัด(มหาชน) III วันแรกวันนี้ (1ก.ย.) เปิดการซื้อขายที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 2.3 บาท หรือ 47.91% จากราคาจองที่ 4.80 บาท
และปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ราคา 6.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.95 บาท หรือ 40.62% มูลค่าการซื้อขาย 1,194 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทริพเพิล ไอ โลจีสติกส์ (III) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจร โดยรับบริหารโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และให้บริการทั้งในฐานะผู้ขนส่งและผู้รับบริหารจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและภายในประเทศ
ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก

บริษัทเข้าซื้อขายในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ บริษัทมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 302.25 ล้านบาท ประกอบด้วยทุนจดทะเบียน 604.50 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาท บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 164.50 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชน 160 ล้านหุ้น และพนักงานของบริษัท 4.50 ล้านหุ้น ในวันที่ 23 - 25 ส.ค.2560

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจีสติกส์ (III) กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับราคาซื้อขายวันแรก ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจอง และประเมินว่าเป็นเพราะนักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐาน จากช่วงจองซื้อหุ้นนั้นนักลงทุนสถาบันสนใจจองซื้อล้นกว่า 20 เท่า จากหุ้นที่จัดสรร 80 ล้านหุ้น

"เชื่อว่าจะมีนักลงทุนสถาบันต้องการถือหุ้นเพิ่มเข้ามาซื้อหุ้นในกระดาน และจากภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น หนุนราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น"

ทั้งนี้ บริษัทคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้ ที่ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,075 ส่วนกำไรคาดว่าจะมีการเติบโตที่สูงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท เนื่่องจาก ลูกค้าเดิมใช้บริการมากขึ้น และ ได้ลูกค้าใหม่ โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,086 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท

ขณะที่คาดการณ์รายได้ปี 2561 จะมีการเติบโตสูงจากปี 2560 เนื่องจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จะนำไปขยายการลงทุนธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าทางอากาศ ธุรกิจให้บริการขนส่งทางทะเล และ ทางบก และธุรกิจให้บริกการบริหารจัดกรและปฏิบัติการทางด้านขนส่งและจัดการสินค้าคงคลัง รวม 11 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 235 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาที่จะเปิดสำนักงานในต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันที่เปิดแล้ว 10 ประเทศ เพื่อให้บริการครอบคลุมมากขึ้น