ซิ่งจยย.ขึ้นสะพาน เสียหลักเสยพ่วง18ล้อดับคาที่

ซิ่งจยย.ขึ้นสะพาน เสียหลักเสยพ่วง18ล้อดับคาที่

หนุ่มไปรษณีย์ซิ่งรถจยย.ขึ้นสะพาน เสียหลักเสยท้ายรถบรรทุกพ่วง18ล้อจอดซ่อมดับคาที่

เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 1 ก.ย.2560 ร.ต.อ.ทวี บุญทัน รอง สว.จร.สน.บางเสาธง ได้รับแจ้งเหตุรถ จยย.ชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ทำให้มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดกลางสะพานข้ามแยกบางแวก ถนนราชพฤกษ์มุ่งหน้าตลิ่งชัน แขวงบางเสาธง เขตภาษีเจริญ กทม.หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 18 ล้อ ของ หจก.ธัญมาศกวิน ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียนหัวพ่วง 87-9529 นครปฐม ทะเบียนส่วนท้ายพ่วง 87-4637 นครปฐม จอดเสียอยู่กลางสะพานตรงช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุด จากการตรวจสอบบริเวณกระบะบรรทุกด้านท้าย พบ รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นจีที 125 สีแดง ทะเบียน 6 กจ-4973 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนเข้ากับกันชนหลังอย่างจังจน รถ จยย.พังยับเยิน

ส่วนผู้ขับขี่เสียชีวิตทันที ณ จุดเกิดเหตุ โดยร่างผู้ตายยังคร่อมรถ จยย.อยู่ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุเชษฐ์ ชูแสง อายุ 30 ปี อาชีพพนักงานไปรษณีย์สาขาบางกอกน้อย อยู่บ้านเลขที่ 490/90 ซอยริมคลองชักพระ แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กทม.สภาพนอนตะแคงขวาจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ที่ศีรษะสวมหมวกนิรภัยสีดำ แต่หมวกไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ เนื่องจากบริเวณใบหน้าผู้ตายกระแทกเข้ากับกันชนรถคู่กรณีอย่างจังทำให้เกิดแผลฉกรรจ์และเสียเลือดเป็นจำนวนมาก

จากการสอบสวน นายสมาน สาระมูล อายุ 36 ปี โชเฟอร์รถพ่วง 18 ปี ซึ่งรอมอบตัวกับตำรวจ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถบรรทุกหินเต็มคันมาจากบริษัทย่าน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เพื่อมุ่งหน้าไปส่งให้ลูกค้าที่ไซต์งานก่อสร้างย่านถนนพระราม 4 และกำลังจะเดินทางกลับ กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุจู่ๆ ระบบเชื้อเพลิง NGV ก็เกิดขัดข้องทำให้เครื่องยนต์ดับไปเฉยๆ ตนจึงจอดรถเปิดไฟฉุกเฉินและไฟหรี่เอาไว้ เพื่อให้สัญญาณรถคันหลัง และลงจากรถเพื่อลงมือซ่อมแซม โดยขณะที่กำลังลงมือซ่อมอยู่ประมาณ 10 นาที ก็ได้ก็ยินเสียงรถจยย. ขับขี่มาด้วยความเร็ว และพุ่งชนเข้าที่บริเวณท้ายรถเสียงสนั่น ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งออกไปตรวจสอบ พบว่า คนขับ รถจยย.คันดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหากับฝ่ายใด แต่ได้ประสานบริษัทประกันภัยของรถพ่วงให้เดินทางมาร่วมตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ ก่อนควบคุมตัว นายสมาน เพื่อนำตัวไปสอบสวนที่ สน.บางเสาธง ส่วนศพของ นายสุเชษฐ์ ได้มอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อผ่าชันสูตรและติดตามญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป.