ไฟเขียวกรอบยุทธศาสตร์ร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน

ไฟเขียวกรอบยุทธศาสตร์ร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน

"สคร." เผย "บอร์ด PPP" ไฟเขียวกรอบยุทธศาสตร์ร่วมลงทุนรัฐ- เอกชน ปี 60-64 มูลค่า 1.62 ล้านลบ. ชี้เงินลงทุนทุก 1 แสนลบ. จะกระตุ้นจีดีพีได้ 0.4%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ คณะกรรมการ PPP เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการ PPP ได้อนุมัติเห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ แผนยุทธศาสตร์ PPP ระยะ 5 ปี (2560-2564) ซึ่งจัดทำให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาใช้เป็นกรอบนั้น โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1.62 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาได้เร็วๆนี้

ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ PPP ประกอบด้วยกิจการโครงการสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ 22 กิจการ สามารถจำแนกเป็น 1.กิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน หรือ Opt-Out จำนวน 4 กิจการ ประกอบด้วย กิจการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางในเมือง กิจการพัฒนาท่าเรือสาธารณะสำหรับขนส่งสินค้า และกิจการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง และ 2.กิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน หรือ Opt-in จำนวน 18 กิจการ เช่น กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางระหว่างเมือง กิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสาธารณสุข และกิจการพัฒนาท่าอากาศยาน เป็นต้น

"การลงทุนนั้นเราไม่ได้คาดหวังว่าในเรื่องของระบบเศรษฐกิจ หรือ ตัวเลขของจีดีพี แต่เน้นการเติบโตของการลงทุนไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง และเข้มแข็งในอนาคต โดยมองว่า ทุกเม็ดเงินลงทุน 100,000 ล้านบาทนั้น จะช่วยกระตุ้นให้จีดีพีเติบโตประมาณ 0.4%" นายเอกนิติ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ปี 2556 ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาได้ในเดือนกันยายนนี้ ส่วนความคืบหน้าโครงการภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ทั้งสิ้น 11 โครงการ มูลค่าวงเงินลงทุนรวม 934,200 ล้านบาท โดยโครงการที่ดำเนินการตามมาตรการดังกล่างแล้วเสร็จ 5 โครงการ มูลค่าวงเงินลงทุนรวม 335,432 ล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ซึ่งได้ลงนามในสัญญาแล้ว

ส่วนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในส่วนการดำเนินการและบำรุงรักษา ได้เสนอครม.พิจารณาแล้ว ส่วนการให้เอกชนที่เกี่ยวกับที่พักริมทางจะเสนอ คณะกรรมการ PPP ได้ภายในสิ้นปี 2560